แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้ธนาคารโจทก์ใช้อาคารพิพาทเป็นสำนักงานประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ของโจทก์เองแต่อย่างเดียว หรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา ก็เพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจของโจทก์เอง อาคารพิพาทจึงไม่อยู่ในความหมายของคำว่าโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นๆซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา ตามพระราชบัญญัติ ภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ มาตรา 10 ไม่ได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน (ที่มา-เนติ)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกเลิกใบแจ้งรายการประเมิน เพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลย ให้จำเลยคืนเงินภาษี 158,910 บาทแก่โจทก์ ถ้าไม่คืนภายใน 3 เดือนนับแต่วันมีคำพิพากษาให้จำเลยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่าโจทก์จะได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนสำหรับอาคารพิพาทหรือไม่ พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 10 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 บัญญัติว่า”โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ ซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาและซึ่งมิได้ใช้เป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบการอุตสาหกรรมท่านให้งดเว้นจากบทบัญญัติแห่งภาคนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นไป เห็นว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ อาคารพิพาทเป็นสำนักงานของธนาคารโจทก์ ตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ที่ยังมิได้แก้ไขและซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 บัญญัติทำนองเดียวกันว่า”ธนาคารพาณิชย์” หมายความว่า การประกอบธุรกิจประเภทรับฝากเงินที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามหรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้ และใช้ประโยชน์เงินนั้นในทางหนึ่งหรือหลายทาง เช่น (ก) ให้สินเชื่อ (ข) ซื้อขายตั๋วเงินหรือตราสารเปลี่ยนมืออื่นใด (ค) ซื้อขายเงินปริวรรคต่างประเทศ และคำว่า “ให้สินเชื่อ” หมายความว่า ให้กู้ยืมเงิน ซื้อ ซื้อลด รับช่วงสิทธิลดตั๋วเงิน เป็นเจ้าหนี้เนื่องจากได้จ่ายหรือสั่งจ่ายเงินประโยชน์ของผู้เคยเข้า หรือเป็นเจ้าหนี้เนื่องจากได้จ่ายเงินตามภาระผูกพันตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิต เมื่อได้พิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยรับกันว่า “ธนาคารโจทก์เลขที่ 393 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เฉพาะทางเข้าออกสระน้ำ สำนักงานชั้นที่ 1, 2, 3, 4 และ 10เป็นสถานประกอบการธนาคารพาณิชย์ตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนไว้โดยเฉพาะแต่อย่างเดียว การประกอบธุรกิจของโจทก์เกี่ยวกับการค้าด้านการเงินเช่น ในการรับฝากเงิน ให้สินเชื่อซื้อขายตั๋วแลกเงินหรือตราสารเปลี่ยนมือ ปริวรรคเงินตราต่างประเทศ อีกทั้งมีตู้นิรภัยให้ลูกค้าเช่าเก็บเอกสารและสิ่งซึ่งมีค่าในโรงเรือนที่พิพาทตามฟ้อง โดยโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทน ธนาคารโจทก์มียามเฝ้าเปลี่ยนกันเป็นผลัด” แล้ว เห็นว่า โจทก์ได้ใช้อาคารพิพาทเป็นสำนักงานประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวเพื่อหาผลประโยชน์ แม้โจทก์จะใช้อาคารพิพาทประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ของโจทก์เองแต่อย่างเดียว หรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจของโจทก์ อาคารพิพาทดังกล่าวจึงมิได้อยู่ในความหมายของคำว่า “โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ๆ ซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา” ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 10 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 โจทก์จึงไม่ได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้อาคารพิพาทเป็นที่ไว้สินค้าหรือไม่ คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามแทนจำเลยโดยกำหนดค่ทนายความให้รวม 2,000 บาท