คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3289/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยในการขนส่งสินค้าที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธ. ผู้รับตราส่งสั่งซื้อจากประเทศสิงค์โปร มายังท่าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของบริษัทผู้ขายในการขนส่งสินค้าดังกล่าว และได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้ขนถ่ายสินค้านั้นลงจากเรือไปโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เมื่อปรากฏว่าสินค้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธ. ผู้รับตราส่งที่ส่งมาทางทะเลนั้นสูญหาย และฝ่ายจำเลยทั้งสองซึ่งต้องรับผิดในการสูญหายของสินค้าดังกล่าวได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ตามข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งที่ระบุไว้ในใบตราส่งครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัด ธ. และจำเลยทั้งสองแล้ว เช่นนี้จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเหลืออยู่ให้โจทก์ผู้รับประกันภัยรับช่วงมาฟ้องเรียกร้องเอาแก่จำเลยทั้งสองอีก ถึงแม้โจทก์จะได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธ. ตามพันธะ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนอกจากที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธ. ได้รับจากจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วก็ตาม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยในการขนส่งสินค้าตะไบและค้อนทางทะเลจากห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชินเนอรี่ สินค้าดังกล่าวส่งมาด้วยเรือโฮออนซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเจ้าของเรือและเป็นผู้รับขนสินค้าดังกล่าวด้วย จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้ขนถ่ายสินค้าจากเรือโฮออนสู่ท่าของการท่าเรือแห่งประเทศไทจำเลยที่ 2 เป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย เมื่อเรือโฮออนเทียบท่าและห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชินเนอรี่มารับสินค้า ปรากฏว่าสินค้าสูญหายคิดเป็นเงินไทย 435,210.575 บาท กับค่าภาษีอีก 99,113.88 บาทจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชีนเนอรี่แล้ว 31,650 บาท และโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชีนเนอรี่เป็นเงิน 502,682.26 บาทขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินที่โจทก์ใช้ไปพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 13กรกฎาคม 2525 จึงเป็นวันที่โจทก์ใช้เงินไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาก่อนห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชินเนอรี่จะโอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์หรือก่อนโจทก์จะได้รับช่วงสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายห้างหุ้นส่วนธีรวัฒน์แมชชินเนอรี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและรับค่าเสียหายไปจากจำเลยที่ 1 แล้วเป็นผลให้สิทธิเรียกร้องระงับ สิทธิการฟ้องคดีของโจทก์จึงระงับไปด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าเป็นเรื่องห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชีนเนอรี่ผู้มีสิทธิเรียกร้องฝ่ายหนึ่งกับจำเลยทั้งสองซึ่งต้องรับผิดในการที่สินค้าตามฟ้องบางส่วนสูญหายฝ่ายหนึ่งตกลงระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ให้เสร็จไปด้วย ต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันโดยฝ่ายแรกยอมลดค่าเสียหายที่เรียกร้องไว้ 17,165 เหรียญสหรัฐลงเหลือ 800 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายนอกเหนือจากนี้อีก ฝ่ายหลังยอมใช้ค่าเสียหายให้ฝ่ายแรกเป็นเงิน31,650 บาท ซึ่งเท่ากับ 800 ปอนด์สเตอร์ลิง ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในขณะนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาประนีประนอยอมความกันในเรื่องค่าเสียหายในการที่สินค้าตามฟ้องสูญหายบางส่วนและห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชินเนอรี่เชิดนายวสันต์ชิปปิ้งของห้างออกแสดงเป็นตัวแทนของห้างในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลทำให้การเรียกร้องค่าเสียหายของห้างหุ้นส่วนจำกัดธีรวัฒน์แมชชินเนอรี่ ในส่วนที่เกินกว่า 800 ปอนด์สเตอร์ลิงระงับสิ้นไปคงได้แต่สิทธิที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น เมื่อฝ่ายจำเลยได้ใช้ค่าเสียหายให้ห้างดังกล่าวครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเหลืออยู่ให้โจทก์ผู้รับประกันภัยในการขนส่งสินค้าตามฟ้องทางทะเลจะรับช่วงมาฟ้องเรียกร้องเอาแก่จำเลยทั้งสองอีกที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น เมื่อจะต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุเช่นว่านี้แล้ว ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้ออื่นอีก
พิพากษายืน.

Share