คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากับโจทก์ จำเลยมีอาชีพผิดกฎหมายค้ายาเสพติด โจทก์รู้เห็นและร่วมกระทำด้วยโจทก์ให้ญาติของโจทก์นำเฮโรอีนมาจากภาคเหนือ จนญาติของโจทก์และจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี ถือได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมหรือรู้เห็น เป็นใจในการกระทำของจำเลยที่เป็นเหตุหย่านั้น โจทก์จะ ยกขึ้นเป็นเหตุฟ้องหย่าจำเลยหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกัน ต่อมาจำเลยประพฤติชั่วจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก20 ปี ขณะนี้เหลือเวลาอีก 15 ปี จำเลยจึงพ้นโทษ ขอศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน โดยให้ไปจดทะเบียนหย่าหากจำเลยไม่ยอมไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า ที่จำเลยถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีค้ายาเสพติดให้โทษนั้น โจทก์เป็นผู้ก่อเหตุและรู้เห็นยินยอมด้วย เมื่อจำเลยถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ จำเลยก็อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมา จำเลยไม่ยินยอมหย่าขาดจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากับโจทก์จำเลยมีอาชีพในทางผิดกฎหมายโดยค้ายาเสพติด โจทก์รู้เห็นและร่วมกระทำด้วย ครั้งหลังโจทก์ให้ญาติของโจทก์นำเฮโรอีนมาจากภาคเหนือจนญาติของโจทก์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้พร้อมจำเลย และศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย20 ปี ถือได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำของจำเลยที่เป็นเหตุหย่านั้น โจทก์จะยกขึ้นเป็นเหตุฟ้องหย่าจำเลยหาได้ไม่ ตามมาตรา 1501 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 (เดิม)และมาตรา 1517 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 (ที่ได้ตรวจชำระใหม่)

พิพากษายืน

Share