แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 นั้น เพียงจำเลยเรียกเงินจากผู้ถูกจับเพื่อตนโดยมิชอบเพื่อไม่จับกุมก็เป็นความผิดแล้วแม้จะยังไม่ได้รับเงินก็ตาม ที่พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในข้อที่ผู้ถูกจับมอบเงินให้จำเลยหรือยังจึงไม่ใช่ข้อสำคัญของคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจได้จับกุมนางน้อมในข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบ แล้วเรียกเงินจากนางน้อม 3,000 บาท เพื่อตนเองโดยมิชอบแล้วจะปล่อยนางน้อมไป เป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติการตามตำแหน่งโดยมิชอบและโดยทุจริต ทำให้กรมตำรวจเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยกับพลตำรวจธีรยุทธร่วมกันจับกุมนางน้อม ในข้อหาว่าเล่นการพนันสลากกินรวบพร้อมด้วยของกลาง จำเลยเรียกร้องเงินจากนางน้อม 5,000 บาท แล้วจะปล่อยตัวไม่นำส่งพนักงานสอบสวนต่อรองตกลงกัน 3,000 บาท นางน้อมให้บุตรสาวไปยืมเงินจากนางสาววรรณภา นางสาววรรณภาตกลงให้ยืมและนัดให้ไปรอรับเงินที่ซุ้มสัญญาไฟจราจรสี่แยกสาธุประดิษฐ์ ก่อนนำเงินไปให้ นางสาววรรณภาแจ้งเรื่องให้พันตำรวจโทอดุลย์ทราบแล้วได้นำเงิน 3,000 บาทไปให้นางน้อมตรงที่นัดหมาย แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในเรื่องที่ว่านางน้อมมอบเงิน 3,000 บาทให้จำเลยหรือยังนั้น เห็นว่าไม่ใช่ข้อสำคัญของคดี เพราะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ที่โจทก์ฟ้อง เพียงจำเลยเรียกเงินจากผู้ถูกจับเพื่อตนโดยมิชอบเพื่อไม่จับกุมก็เป็นความผิดแล้ว แม้จะยังไม่ได้รับเงินก็ตาม ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน