คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาซึ่งมีอัตราโทษเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้นั้น ศาลแขวงมีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องและเห็นว่าไม่มีมูลก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ บทบัญญัติในมาตรา 167 แห่ง ประมวล วิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวแก่กระบวนพิจารณาบรรยายกระบวน พิจารณาบรรยายวิธีการที่จะพึงปฏิบัติ มิใช่เป็นบทกำหนดอำนาจศาล

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๕๕ พรบแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๔
ศาลแขวงเบตงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีผลพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษสูงกว่าที่พระธรรมนูญศาลยุตติธรรม พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๒๒ อนุมาตรา ๔ กำหนดไว้ให้ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้อง ที่ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษาให้ยกฟ้องนั้น ไม่ชอบพิพากษาให้ยกเสียโดย ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้แม้จะมีอัตราโทษเกินกว่าอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ก็ตาม แต่พระธรรมนูญศาลยุตติธรรมที่แก้ไขใหม่มาตรา ๑๕ – ๒๒ อนุมาตรา ๒ บัญญัติให้ศาลแขวงมีอำนาจทำการไต่สวน มูลฟ้องและมีคำสั่งในคดีอาญาได้ทั่วไป โดยมิได้จำกัดถึงอัตราโทษแต่อย่างใด ศาลแขวงจึงมีอำนาจไต่สวนและสั่งคดีนี้ได้ สำหรับมาตรา ๑๖๗ แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งกล่าวในเรื่องไต่สวนมูลฟ้องนั้น มิได้เป็นบทบังคับว่า ไต่สวนมูลฟ้องที่ศาลไหนจะต้องพิจารณาที่ศาลนั้น เป็นแต่บัญญัติในเรื่องกระบวนพิจารณา บรรยายวิธีการที่พึงปฏิบัติเท่านั้น มิใช่เป็นบทกำหนดอำนาจศาล ในข้อที่ศาลอุทธรณ์กล่าวว่าศาลแขวงไม่มีอำนาจ พิพากษาในกรณีที่ไต่สวนฟ้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูลโดยเป็นการวินิจฉัยข้อพิพาทในคดีผิดต่อมาตรา ๒๑ อนุมาตรา ๒ แห่งพระธรรมนูญศาลยุตติธรรมที่แก้ไขใหม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่ามาตราที่กล่าวนี้เป็นบทบัญญัติวางหลักทั่วไป ส่วนมาตรา ๒๒ อนุมาตรา ๒ เป็นบทบัญญัติฉะเพาะกรณีถ้าศาลแขวงสั่งยกฟ้องก็เป็นการดำเนินตามมาตรา ๒๒ อนุมาตรา ๒ จะถือว่าเป็นการผิดต่อมาตรา ๒๐ อุ่นมาตรา ๒ หาได้ไม่ จึงพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีที่โจทก์อุทธรณ์ ต่อไปใหม่ตรากระบวนความ

Share