คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3189/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ดินซึ่งน้ำในแม่น้ำท่วมถึง แต่ไม่มีผู้อื่น มาใช้ที่พิพาทเลยนอกจากมีบิดามารดาจำเลยและจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทเท่านั้น โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทยังใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของที่ดินในเขตของตนอยู่ โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้บุคคลอื่นมาใช้ที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่ง เพียงแต่จำเลยต่อเติมบ้านของตนเท่านั้น โจทก์ก็ยังห้ามปรามไม่ให้กระทำดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 10416 จังหวัดนนทบุรี เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนฟ้องมารดาจำเลยขออาศัยปลูกบ้านอยู่ เมื่อมารดาจำเลยตายโจทก์ยอมให้จำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินต่อมาจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2519 จำเลยรื้อบ้านเก่าแล้วปลูกใหม่ใหญ่ขึ้น โจทก์ห้ามจำเลยไม่เชื่อ โจทก์จึงไม่ให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไป ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ และใช้ค่าเสียหายเดือนละ 200 บาทนับแต่วันที่โจทก์บอกกล่าวให้รื้อถอน

จำเลยให้การว่า บิดามารดาจำเลยครอบครองที่พิพาทมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมากว่า 30 ปีจึงได้กรรมสิทธิ์ มารดาจำเลยยกที่พิพาทและบ้านให้จำเลย ที่ดินตามโฉนดซึ่งโจทก์ว่า เป็นของโจทก์อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาถูกน้ำเซาะพังไปหมด มีสภาพเป็นที่ชายตลิ่งน้ำท่วมถึงตลอดปี เป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 50 บาท นับแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2520 เป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2520 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 4 เดือนแล้วคำนวณนับแต่วันถัดจากวันฟ้องต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) หรือไม่ เห็นว่าตามบทบัญญัติมาตรานี้มุ่งหมายถึงทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อาทิ ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำทางหลวง ทะเลสาป แม้ได้ความว่าที่พิพาทถูกน้ำในลำแม่น้ำเจ้าพระยาท่วมถึงเนื่องจากมีปริมาณน้ำมากขึ้น เพราะทางราชการระบายน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ ลงมาช่วยดันน้ำทะเลเพื่อลดความเค็มของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดนนทบุรี ก็ไม่ปรากฏว่ามีผู้อื่นร่วมกันใช้ที่พิพาททำอะไรเลย นอกจากมีบิดามารดาจำเลยและจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทเท่านั้น อีกทั้งโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทยังใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของที่ดินในเขตของตนอยู่โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้บุคคลอื่น ๆ มาใช้ที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่ง เพียงแต่จำเลยต่อเติมบ้านของตนเท่านั้น โจทก์ก็ยังห้ามปรามไม่ให้กระทำ จึงยังถือไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามบทบัญญัติมาตรา 1304(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

พิพากษายืน

Share