แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้อำนาจในการแต่งตั้งผู้อำนายการองค์การโทรศัพท์ฯ จะเป็นของคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์ฯ ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้ขอให้ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจในการแต่งตั้ง คดีพิพาทกันโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและการทำงาน ถ้าไม่อาจบังคับได้จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เพื่อให้คำขอบังคับมีผลโจทก์ก็ย่อมขอให้ห้ามจำเลยแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ไว้ก่อนที่ศาลจะพิพากษาคดีได้ ศาลจะสั่งยกคำร้องโจทก์โดยไม่ไต่สวนเพื่อพิเคราะห์ว่ามีเหตุสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาหรือไม่หาได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและการทำงานในอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม โดยให้ถือเสมือนว่าไม่เคยมีการเลิกจ้างมาเลย ถ้าสภาพบังคับดังกล่าวไม่อาจบังคับได้ ให้จำเลยทั้งแปดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ค่าสินจ้างที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยแก่โจทก์ และโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวโดยให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยแต่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ก่อนศาลมีคำพิพากษา
จำเลยทั้งแปดคัดค้านว่า โจทก์ไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวตามคำร้อง
ศาลแรงงานกลางเห็นว่า ไม่จำต้องไต่สวนคำร้อง จึงให้งดสืบพยานชั้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเป็นอำนาจของคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์ฯโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงเป็นสิทธิของจำเลยทั้งแปดและสภาพคำขอบังคับของโจทก์เป็นเหตุการณ์ในอนาคต ยังเป็นการไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลของคดีในชั้นที่สุด แม้โจทก์ชนะคดี คำขอของโจทก์มีทางเลือกปฏิบัติเป็นสองประการคือจำเลยกับโจทก์เข้าทำงานหรือใช้ค่าเสียหาย ซึ่งสามารถบังคับเป็นประการใดประการหนึ่งอยู่แล้วคำขอของโจทก์ยังไม่เป็นเหตุอันสมควร ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่ศาลจะวินิจฉัยสั่งคำร้องของโจทก์ประการใดนั้น หาจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงโดยทำการไต่สวนเสียก่อนทุกกรณีไม่หากความปรากฎชัดที่ศาลสามารถสั่งยกคำร้องได้แล้วก็ไม่จำต้องไต่สวนหรือฟังข้อเท็จจริงต่อไปอีก แต่เหตุที่ศาลแรงงานกลางยกขึ้นอ้างนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ถึงแม้อำนาจในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจะเป็นอำนาจของคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์ฯ โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้ขอให้ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจในการแต่งตั้ง เพียงแต่คดีนี้เป็นปัญหาพิพาทกันเกี่ยวกับการที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมลักษณะคำขอบังคับของโจทก์มุ่งประสงค์ที่จะให้ศาลบังคับจำเลยทั้งแปดเป็นลำดับ คือขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและการทำงานถ้าหากสภาพบังคับดังกล่าวไม่อาจบังคับได้ จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาแก่โจทก์ดังนี้ เพื่อให้คำขอบังคับของโจทก์มีผล โจทก์ก็ย่อมขอให้ห้ามจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 แต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ไว้ก่อนที่ศาลแรงงานกลางจะพิพากษาคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 และคำขอดังนี้ย่อมเป็นการขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความอันจะเกิดมีขึ้นจากคำพิพากษาของศาลในอนาคตทั้งสิ้น จะยกเหตุว่าเป็นการไม่แน่นอนว่าผลที่สุดแห่งคดีโจทก์จะชนะคดีหรือไม่หาได้ไม่ การที่ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้องโจทก์โดยอาศัยเหตุเพียงเท่าที่วินิจฉัย โดยไม่ได้ไต่สวนคำร้องเพื่อพิเคราะห์เหตุสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาหรือไม่ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำสั่งของศาลแรงงานกลาง และให้ศาลแรงงานกลางไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งใหม่ต่อไป