แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์โอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทให้จำเลยเพื่อเป็นหลักประกันการที่โจทก์รับวิทยุจากห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะวิทยุไปจำหน่ายและคู่กรณีไม่มีหนี้ต่อกันแล้ว จำเลยจึงต้องโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทคืนโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ยอมโอนคืน โจทก์จึงฟ้องจำเลยเช่นนี้เป็นกรณีที่โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์ฟ้องเรียกติดตามเอาทรัพย์พิพาทคืนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้ เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ ดังนั้นคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินโฉนดเลขที่ 43438 แขวงสามเสนใน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พร้อมตึกแถวเลขที่ 108/10 เมื่อปี 2515 โจทก์ได้ติดต่อนำสินค้าจำพวกวิทยุและเครื่องเสียงจากห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะวิทยุและนายอาโป๋แซ่โค้ว ไปจำหน่าย นายอาไป๋จึงให้โจทก์โอนที่ดินดังกล่าวใส่ชื่อจำเลยเพื่อเป็นประกันหนี้ เนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะวิทยุและนายอาไป๋ไม่สามารถมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ ต่อมาในปี 2526 โจทก์และห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะวิทยุและนายอาไป๋ไม่มีหนี้ต่อกัน โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมตึกแถวคืนโจทก์ แต่จำเลยไม่คืน
จำเลยให้การว่า เมื่อปี 2515 กิจการค้าของโจทก์ขาดทุนและมีหนี้สินมาก โจทก์จึงโอนขายที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทแก่จำเลยในราคา200,000 บาท และโจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินสิบปีแล้ว จึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 43438แขวงสามเสนใน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์ และให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามโฉนดดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์โดยปลอดจำนองและภาระผูกพันใด ๆ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยแทน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่าโจทก์ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทให้จำเลยเพื่อเป็นหลักประกันการที่โจทก์รับวิทยุจากห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะวิทยุไปจำหน่าย เมื่อโจทก์กับห้างหุ้นส่วนจำกัดปิยะวิทยุไม่มีหนี้ต่อกันแล้ว จำเลยต้องโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทคืนโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าได้ซื้อที่ดินและตึกแถวพิพาทไว้โดยสุจริตมีค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนการโอนแล้วจึงฟังไม่ขึ้นที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่าเมื่อจำเลยไม่ยอมโอนคืนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทแก่โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยเช่นนี้เป็นกรณีที่โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์ฟ้องเรียกติดตามเอาทรัพย์พิพาทคืนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาให้เจ้าของทรัพย์ใช้สิทธิเช่นนี้ เว้นแต่จะถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ถูกจำกัดด้วยอายุความได้สิทธิ ดังนั้นคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน