แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คเลขที่ 2034623 แต่ โจทก์ก็ได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าเช็คดังกล่าวนั้นปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นเช็คหมายเลข 2035623 สำเนาท้ายฟ้องย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย ทั้งก่อนจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การโจทก์ก็ได้นำส่งต้นฉบับเช็คและใบคืนเช็คต่อศาลแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมีโอกาสตรวจสอบต้นฉบับเช็คได้และจำเลยที่ 1 มิได้ให้การโต้แย้งเลยว่าไม่ได้ออกเช็คเลขที่ 2035623แสดงว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจฟ้องโจทก์ดีว่าเช็คตามฟ้องนั้นคือเช็คเลขที่ 203562 จึงมิได้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คเลขที่ 2034623 ให้จำเลยที่ 2 เพื่อชำระหนี้ต่อมาจำเลยที่ 2 นำเช็คดังกล่าวสลักหลังใช้หนี้ให้โจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้ต่อกันแล้วรับเช็คไว้โดยไม่สุจริต จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อนำสืบเรื่องเช็คของโจทก์ต่างกับฟ้อง เป็นเช็คคนละฉบับกัน พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมว่า แม้ว่าโจทก์จะฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คเลขที่ 2034623 ก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าเช็คดังกล่าวนั้นปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นเช็คหมายเลขที่ 2035623 สำเนาท้ายฟ้องย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วยนอกจากนี้ปรากฏว่าก่อนที่จำเลยที่ 1 จะยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การและให้สั่งโจทก์ส่งต้นฉบับเช็คและใบคืนเช็คต่อศาล เพื่อจำเลยที่ 2 จะได้ตรวจสอบเสียก่อน ซึ่งโจทก์ก็ได้นำส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลแล้วจำเลยที่ 1 จึงมีโอกาสตรวจสอบต้นฉบับเช็คได้ ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็มิได้ให้การโต้แย้งเลยว่าไม่ได้ออกเช็คเลขที่ 2035623 ในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 ก็เบิกความรับว่าได้ออกเช็คเลขที่ 2035623 จริง แสดงว่าจำเลยที่ 1 มีความเข้าใจฟ้องของโจทก์ดีว่าเช็คตามฟ้องนั้นคือเช็คเลขที่ 2035623 จำเลยที่ 1 จึงมิได้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี การที่ฟ้องโจทก์ระบุเลขที่เช็คเป็น 2034623 ซึ่งความจริงเป็นเลขที่ 2035623 และจำนวนเงินที่สั่งจ่าย 34,000 บาท กับลงวันที่ 12พฤศจิกายน 2521 ตรงกันนั้น เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาดเล็กน้อยโดยพิมพ์เลข 5 เป็นเลข 4 การที่จำเลยที่ 1 มิได้ระบุเลขที่เช็คในคำให้การนั้น จึงแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 โดยแจ้งชัดว่า ประสงค์จะถือประโยชน์จากการที่ฟ้องโจทก์พิมพ์ผิดพลาด ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าเช็คที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องคือเช็คเลขที่ 2035623 คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองแล้ว จึงไม่เคลือบคลุม ทั้งโจทก์ก็นำสืบว่า จำเลยที่ 1ออกเช็คเลขที่ 2035623 ตรงตามสำเนาท้ายฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้โจทก์ตามฟ้องนั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน