แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไม่มีการจับกุมนิติบุคคลนั้น เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้ คงให้ใช้วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7 การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้จัดการบริษัทจำเลยให้ไปพบ แล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิดนั้น ไม่เป็นการจับกุม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7, 8
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบริษัทอุตสาหกรรมกระดาษไทย จำกัด จำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน ๖๕,๗๔๔,๘๕๒.๒๔ บาท และให้จ่ายรางวัลร้อยละ ๒๐ ของเงินค่าปรับแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุม ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นผู้จับกุม ขอให้ศาลสั่งจ่ายรางวัลให้
โจทก์ยื่นคำค้ดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ที่จับกุมจำเลย จึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัล ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรณีไม่มีการจับกุม ผู้ร้องไม่ใช่ผู้จับกุมอันจะมีสิทธิได้รับรางวัล ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗ซึ่งกำหนดให้ออกหมายเรียกผู้จัดการ หรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลนั้นให้ไปยังพนักงานสอบสวนหรือศาลแล้วแต่กรณี ถ้าผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกจะออกหมายจับก็ได้แต่จะขังหรือปล่อยชั่วคราวผู้จัดการหรือผู้แทนนิติบุคคลนั้นไม่ได้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไม่มีการจั่บกุมนิติบุคคลนั้น เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้ คงให้ใช้วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณี การที่ผู้ร้องออกหมายเรียกผู้จัดการบริษัทจำเลยมา แล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ ไม่เป็นการจับกุมดังที่ผู้ร้องฎีกา ผู้ร้องมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลยผู้กระทำผิดผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๗ และมาตรา ๘ ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.