แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปิดกั้นทางเดินซึ่งโจทก์ใช้เดินออกถนนใหญ่อยู่โดยปรกติ แม้โจทก์อาจเดินออกมาทางอื่นได้ แต่เป็นทางร่องสวน และต้องเปิดรั้วบ้านบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่ทางของปรกติชนใช้ไปมา ดังนี้ถือได้ว่าที่โจทก์อยู่ในที่ล้อม
ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อม โจทก์มีสิทธิ์จะขอทางผ่านที่ดินที่ล้อมอยู่ไป สู่ทางสาธารณะได้
จำเลยให้การลอย ๆ ว่าโจทก์มิได้เสนอค่าทดแทนที่จะผ่าน มิได้เถียงว่าจำเลยไม่เปิดทางให้โจทก์เดินเพราะโจทก์ไม่ให้ค่าทดแทนดังนี้ ย่อมไม่มีประเด็นที่จะนำสืบถึงเรื่องค่าทดแทน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์คงฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินของโจทก์อยุ่ในที่ล้อม โจทก์มีสิทธิที่จะขอทางผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้ พิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผู้พิจารณารับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ให้ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ เพราะจำเลยปิดกั้นทางที่โจทก์เคยใช้เดินอยู่แต่เดิม ทางออกอื่น ๆ ที่จำเลยอ้างอันมีสภาพปรากฎตามรายงานพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ใช่ทางสำหรับปกติชนจะเข้าออก ทั้งเจ้าของที่ดินของทางเหล่านั้นก็สงวนสิทธิหวงห้ามไว้ด้วย ดังนี้จำเลยจะอ้างว่าโจทก์มีทางเดินอยู่แล้วไม่ได้ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้เสนอให้ค่าทดแทน จึงไม่มีสิทธิใช้ทางจำเป็นนั้น ข้อนี้จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ในคำให้การขัดแจ้ง เป็นแต่กล่าวลอย ๆ ว่า โจทก์ไม่ได้เสนอเสียค่าทดแทนที่จะผ่าน จึงไม่ได้นำสืบถึงเรื่องค่าทดแทนเลย ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องค่าทดแทนเป็นเรื่องของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง