คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3086/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่โจทก์ตกลงขายสินค้าให้จำเลยโจทก์ทราบถึงความประสงค์ของจำเลยอยู่แล้วว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศเมื่อทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องเพราะสีของผ้าตกซึ่งเป็นผลอันเนื่องมาจากการนำสีที่ไม่มีคุณภาพมาใช้ในการผลิตทำให้สินค้านั้นเสื่อมราคาผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธไม่ยอมรับซื้อสินค้านั้นจนจำเลยจำต้องลดราคาให้ผู้ซื้อจึงยอมรับซื้อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา472วรรคแรก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา46วรรคสามมิได้บัญญัติให้คู่ความที่อ้างอิงเอกสารที่ได้ทำขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศส่งสำเนาคำแปลให้คู่ความฝ่ายอื่นเมื่อจำเลยได้ทำคำแปลภาษาต่างประเทศโดยมีคำรับรองมายื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อแนบไว้กับเอกสารเหล่านั้นแล้วศาลก็ชอบที่จะรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ โจทก์ได้กล่าวไว้โดยแจ้งชัดในคำฟ้องว่าโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดจากจำเลยในอัตราที่ตกลงกันไว้คือร้อยละ15ต่อปีจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์และจำเลยมีข้อตกลงกันว่าจำเลยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ15ต่อปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม 2535 จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าผ้าจากโจทก์เพื่อนำไปตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปโดยให้โจทก์จัดส่งแก่จำเลยเป็นงวดตามจำนวนที่โรงงานทอผ้าผลิตได้ ตกลงจะชำระค่าสินค้าพร้อมภาษีให้โจทก์ภายใน 90 วันนับแต่วันที่จำเลยได้รับสินค้าแต่ละงวด โจทก์ได้จัดส่งสินค้าผ้าให้จำเลยรวม 9 งวด คิดเป็นเงิน 2,448,656.48 บาท และได้ส่งใบแจ้งหนี้ค่าสินค้าผ้ากับค่าภาษี และแจ้งกำหนดวันชำระหนี้ไปยังจำเลยแล้วแต่จำเลยไม่ชำระ อ้างว่าโจทก์ส่งสินค้าล่าช้าและไม่ได้มาตรฐานการส่งออกขอคิดค่าเสียหายโดยหักจากยอดหนี้ที่ค้างชำระ โจทก์ปฏิเสธและมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้แล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,448,656.48 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราที่ตกลงกันไว้คือร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดแต่ละงวดถึงวันฟ้องจำนวน 47,786.50 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยสั่งซื้อสินผ้าจากโจทก์โดยระบุสี ชนิด ขนาด คุณภาพ จำนวนและระยะเวลาส่งมอบตกลงให้ส่งผ้างวดแรกวันที่ 25 เมษายน 2535 งวดสุดท้ายวันที่10 พฤษภาคม 2535 เพื่อนำผ้าไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้แก่บริษัทซีแอนด์เอ จำกัด ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์บริษัทดังกล่าวกำหนดให้จำเลยส่งมอบสินค้าโดยขนส่งทางเรือเดินทะเลอย่างช้า งวดแรกวันที่ 10 กรกฎาคม 2535 ซึ่งจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนแล้ว เมื่อถึงกำหนดโจทก์ขอเลื่อนเวลาการส่งมอบอ้างว่ามีเหตุขัดข้อง แต่ลูกค้าของจำเลยไม่ให้เลื่อนเวลาการส่งสินค้าและเร่งรัดให้จำเลยจัดส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูปตามกำหนดหากการส่งล่าช้าจำเลยต้องจัดการส่งสินค้าดังกล่าวให้แก่บริษัทโดยขนส่งทางอากาศและจำเลยต้องรับผิดชอบเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เองทั้งสิ้น จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ยอมรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าว ต่อมานำเลยนำผ้าที่โจทก์ส่งมอบให้ไปตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งให้ลูกค้า ลูกค้าปฏิเสธที่จะรับสินค้านั้นเนื่องจากคุณภาพไม่ได้มาตรฐานเพราะสีตก จำเลยจึงต้องลดราคาให้ลูกค้า 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 895,095.80 บาท และต้องเสียค่าขนส่งทางอากาศเป็นเงิน 414,742.50 บาท รวมเป็นเงิน1,309,838.30 บาท ซึ่งโจทก์ตกลงจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยจำเลยขอนำค่าเสียหายดังกล่าวหักออกจากค่าผ้าจำนวน 2,448,656.48บาท ที่จำเลยสั่งซื้อจากโจทก์ โดยจำเลยยินยอมรับผิดต่อโจทก์เป็นเงิน 1,138,818.18 บาท แต่โจทก์ไม่ยินยอม การกระทำของโจทก์ทำให้ลูกค้าของจำเลยขาดความเชื่อถือในคุณภาพสินค้าและไม่สั่งซื้อสินค้าจากจำเลย ทำให้จำเลยขาดผลกำไรไม่ต่ำกว่าปีละ3,000,000 บาท ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ให้ชำระค่าเสียหายจำนวน 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ส่งมอบผ้าให้แก่จำเลยครบถ้วนโดยจำเลยไม่เคยโต้แย้งคัดค้าน สินค้าผ้าที่จำเลยรับจากโจทก์ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพแล้ว เมื่อจำเลยนำไปผลิตเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบอีก จำเลยสั่งซื้อผ้าจากบริษัทอื่นหลายแห่ง เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่จำเลยส่งไปขายให้แก่บริษัทซีแอนด์เอ จำกัด ไม่ใช่เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตมาจากสินค้าผ้าของโจทก์ โจทก์แจ้งเหตุขัดข้องในการผลิตและเวลาส่งมอบผ้าให้จำเลยทราบก่อนแล้ว แต่จำเลยยืนยันให้โจทก์จัดหาผ้าให้จำเลยต่อไป การซื้อขายระหว่างจำเลยกับบริษัทซีแอนด์เอจำกัด ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ที่จำเลยอ้างว่าได้ลดราคาสินค้าให้แก่ผู้สั่งซื้อ 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่เป็นความจริงและไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ทั้งค่าขนส่งสินค้าทางอากาศก็ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์โจทก์ไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,601,347.18 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องแย้ง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยซื้อสินค้าผ้าจากโจทก์เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งไปจำหน่ายให้แก่บริษัทซีแอนด์เอ จำกัด ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อสินค้าดังกล่าวส่งถึงบริษัทซีแอนด์เอ จำกัด แล้ว ปรากฏว่าบริษัทดังกล่าวปฏิเสธที่จะรับซื้อสินค้านั้นเนื่องจากสีของผ้าตกตามผลการตรวจสอบเอกสารหมาย ล.14 ถึง ล.21 และ ล.22
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยส่งสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศได้แสดงว่าสินค้าที่โจทก์ส่งให้จำเลยได้มาตรฐานการส่งออก โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของทรัพย์สินซึ่งขายต่อจำเลยนั้นเห็นว่า ขณะที่โจทก์ตกลงขายสินค้าให้จำเลย โจทก์ทราบถึงความประสงค์ของจำเลยอยู่แล้วว่า จำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศเมื่อทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องเพราะสีของผ้าตกซึ่งเชื่อว่าเป็นผลอันเนื่องมาจากการนำสีที่ไม่มีคุณภาพมาใช้ในการผลิตทำให้สินค้านั้นเสื่อมราคา ผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธไม่ยอมรับซื้อสินค้านั้นจนจำเลยจำต้องลดราคาให้ ผู้ซื้อจึงยอมรับซื้อ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472 วรรคแรก
ที่โจทก์ฎีกาว่า เอกสารหมาย ล.3 และ ล.14 ถึง ล.21เป็นเอกสารที่ทำขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศที่ยื่นต่อศาลโดยไม่ได้ส่งสำเนาคำแปลให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อน ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานไม่ชอบนั้น เห็นวา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 วรรคสาม มิได้บัญญัติให้คู่ความที่อ้างอิงเอกสารที่ได้ทำขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศส่งสำเนาคำแปลให้คู่ความฝ่ายอื่น ดังนั้น เมื่อได้ความตามท้องสำนวนว่า จำเลยได้ทำคำแปลเอกสารหมาย ล.3 และ ล.14 ถึง ล.21 โดยมีคำรับรองมายื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อแนบไว้กับเอกสารเหล่านั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะรับฟังเอกสารดังกล่าวได้
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยของค่าสินค้าที่ค้างชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดตามที่โจทก์และจำเลยตกลงกันนั้น เห็นว่า โจทก์ได้กล่าวไว้โดยแจ้งชัดในคำฟ้องว่า โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดจากจำเลยในอัตราที่ตกลงกันไว้คือร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยมีข้อตกลงกันว่าจำเลยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 15 ต่อปีจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดตามสัญญาไม่ใช่ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคแรก
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share