คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3083/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท ย่อมจะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914ประกอบกับมาตรา 989 จำเลยจะต่อสู้โจทก์ด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนๆ นั้นหาได้ไม่เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
แม้จะฟังว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ช. เกี่ยวกับหนี้การพนัน แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงก็ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับ ช. เพื่อฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ย่อมไม่มีทางที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์
การคำนวณนับระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ยนั้นอยู่ในบังคับของหลักทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วย ย่อมจะเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้น โดยไม่นับวันฟ้องรวมคำนวณเข้าด้วยอยู่แล้ว จึงใช้ว่านับแต่วันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำว่า ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็ครวม 4 ฉบับให้ผู้มีชื่อ ต่อมาผู้มีชื่อได้นำเช็คทั้ง 4 ฉบับมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรวม 4 ฉบับจริงแต่โจทก์รับเช็คดังกล่าวมาด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเพราะโจทก์ทราบดีว่าผู้มีชื่อที่โจทก์อ้างว่าเป็นผู้ทรงคนแรกนั้นเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยในการเป็นเจ้ามือสลากกินรวบและจำเลยออกเช็คพิพาทเพราะถูกข่มขู่ถึงขนาด เช็คพิพาทเป็นเช็คที่เกิดจากการพนันผู้ทรงเช็คก็ทราบดีโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์กับผู้ทรงคนแรกและผู้ถูกสลากกินรวบร่วมกันกระทำผิดโดยส่งเสริมให้ผู้ถูกสลากกินรวบขู่บังคับให้จำเลยจ่ายเช็คพิพาท จำเลยไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914ประกอบกับมาตรา 989 จำเลยจะต่อสู้โจทก์ด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อน ๆ หาได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 ประกอบกับมาตรา 989 ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบถึงหากจะฟังว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้นายขยันเกี่ยวกับหนี้การพนัน จำเลยก็หาได้นำสืบว่าโจทก์มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใดไม่ ฝ่ายโจทก์มีพยานยืนยันว่ามีผู้นำเช็คพิพาทมาแลกเงินจากโจทก์ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับนายขยันเพื่อฉ้อฉลจำเลยดังนี้ ย่อมไม่มีทางที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิด

อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรกล่าวเสียด้วยว่า การคำนวณนับระยะเวลาในการคิดดอกเบี้ยนั้นอยู่ในบังคับของหลักทั่วไปตามบทบัญญัติมาตรา 158 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งห้ามมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลารวมคำนวณเข้าด้วยย่อมจะเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นโดยไม่นับฟ้องรวมคำนวณเข้าด้วยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นอย่างใดที่จะต้องใช้ถ้อยคำเจาะจงว่าให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share