แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ได้บรรยายเรื่องเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดว่า ครั้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2522 โจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร ก. สาขาพาหุรัดเพื่อเรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคาร ก. สำนักงานใหญ่ปฏิเสธการจ่ายเงินและคืนเช็ค โดยอ้างเหตุผลว่าผู้สั่งจ่ายให้ติดต่อก่อน ดังนี้ย่อมเข้าใจว่า วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นวันเดียวกันกับวันที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชี คือวันที่ 4 พฤษภาคม 2522 นั่นเอง ฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำผิดคือวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว จึงชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 สั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งเป็นวันที่เกิดการกระทำผิด คำฟ้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันออกเช็คพิพาทเป็นเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ สั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ลงวันที่ 26 เมษายน 2522 เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์และบรรยายต่อไปมีข้อความติดต่อกันว่า ครั้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2522 โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาพาหุรัดเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คปรากฏว่าธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คและคืนเช็คโดยอ้างเหตุว่าผู้สั่งจ่ายให้ติดต่อก่อนดังนี้ เห็นว่าการที่โจทก์บรรยายฟ้องมีข้อความติดต่อกันไปเช่นนี้ ย่อมเข้าใจว่าวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น เป็นวันเดียวกันกับวันที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินคือวันที่ 4 พฤษภาคม 2522 นั้นเอง ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิด กล่าวคือมีวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้ว จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
พิพากษายืน