คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งปลูกสร้างในเขตเพลิงไหม้ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลนั้น หากกรมโยธาเทศบาลมิได้มอบให้อัยการดำเนินคดีแทน อัยการซึ่งเป็นโจทก์จำเลยหาว่ากระทำผิดทางอาญาอยู่นั้นย่อมไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่กรมโยธาเทศบาลมอบให้คณะกรรมการจังวหัดดำเนินคดีนั้น มิใช่เป็นการมอบให้อัยการจังหวัด และการกระทำของอัยการจังหวัดโดยลำพังนั้น จะอ้างว่าเป็นการกระทำของคณะกรรมการจังหวัดมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพว่า จำเลยได้ปลูกสร้างเลื่อยไม้ในเขตเพลิงไหม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมโยธาธิเทศบาล ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย ๑๐๐ บาท โดยลดกึ่งหนึ่งแล้วตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างในเขตเพลิงไหม้ ๒๔๗๖ มาตรา ๖,๑๕ และให้จำเลยรื้อโรงงานเลื่อยไม้ภายใน ๙๐ วัน
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจขอให้ศาลสั่งรื้อถอนโรงงานเลื่อยไม้
ศาลอุทธรณ์ประชุมใหญ่ เห็นว่า อำนาจฟ้องขอให้รื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างในกรณีนี้นั้น พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างในเขตเพลิงไหม้ ๒๔๗๖ มาตรา ๕ วรรค ๒ บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโยธาเทศบาลโดยเฉพาะอัยการจึงมาฟ้องขอมาโดยลำพังไม่ได้ และปรากฏเพียงว่ากรมโยธาเทศบาลมีหนังสือมอบอำนาจให้กรมการจัดหวัดฉะเชิงเทราดำเนินคดีแทน ไม่ได้มอบให้อัยการเป็นผู้ดำเนินคดีแทน อัยการจึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนโรงเลื่อยไม้ พิพากษาแก้ ให้ยกคำขอของโจทก์ส่วนที่ขอให้สั่งรื้อถอนโรงงานเลื่อยไม้
โจทก์ฎีกาว่า อัยการจังหวัดเป็นหัวหน้าส่วนราชการบริหารฝ่ายพลเรือน และเป็นคณะกรมการจังหวัด
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างในเขตเพลิงไหม้ ๒๔๗๖ มาตรา ๑๕ วรรค ๒ ให้อำนาจกรมโยธาเทศบาลร้องขอต่อศาล แต่เรื่องนี้กรมโยธาเทศบาลมิได้ร้องขอต่อศาล และหาได้มอบอำนาจให้แก่อัยการโจทก์ไม่ แต่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการจังหวัดเป็นผู้ร้องขอต่อศาล และทั้งไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการจังหวัดได้มอบอำนาจในการนี้ให้แก่อัยการโจทก์ อัยการโจทก์มาร้องขอต่อศาล จึงเป็นการกระทำไปโดยปราศจากอำนาจและจะถือว่าเป็นการกระทำของคณะกรรมการจังหวัดไม่ได้
พิพากษายืน

Share