คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3065/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การของพยานในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า รับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาล เมื่อคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิด ลำพังแต่บันทึกการจับกุมและคำให้การชั้นสอบสวนไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้
ในคดีอาญา โจทก์มีภาระหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิดของจำเลย เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด แม้จำเลยจะไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันไฮโลแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้ถูกจับกุม เมื่อผู้ถูกจับกุมให้เงินแก่จำเลยตามที่เรียกร้องแล้ว จำเลยก็ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙, ๑๕๗, ๘๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นพิจารณาของศาล โจทก์มีร้อยตำรวจเอกพจน์ นายภาณุวัฒน์ และร้อยตำรวจโทไพฑูรย์ พนักงานสอบสวนคดีนี้มาเป็นพยานต่อศาล ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามไม่มีพยานคนใดรู้เห็นเหตุการณ์ที่จำเลยทั้งสามพูดเรียกร้องเอาเงินจากนายเรียม นายชด นายสวง และบุคคลทั้งสามได้มอบเงินให้แก่จำเลยทั้งสามแต่อย่างใด โจทก์ไม่ได้ตัวนายเรียม นายชด นายสวง ซึ่งเป็นพยานสำคัญโดยเป็นผู้เสียหายที่รู้เห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดมาสืบในชั้นศาล คงมีแต่บันทึกคำให้การของพยานเหล่านั้นในชั้นสอบสวนส่งเป็นพยานเท่านั้น เห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาล เมื่อคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิด โจทก์คงมีแต่บันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.๔ และคำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยาน ฉะนั้น พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ แม้จำเลยทั้งสามจะมิได้สืบพยานก็เป็นภาระหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิดของจำเลย หาใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยไม่
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share