คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงและมีข้อความตอนหนึ่งว่าจำเลยยินยอมไม่ฟ้องคดีอาญาอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาเรื่องฉ้อโกงนั้น ถือว่าข้อความตอนนี้เป็นส่วนที่พึงสันนิษฐานได้ว่าคู่กรณีเจตนาจะแยกส่วนนี้ออกหากจากส่วนอื่นได้ สัญญาประนีประนอมยอมความนี้จึงสมบูรณ์
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ทำขึ้นอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสัญญาขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงยกเลิกเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิม สัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ระงับ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จึงขอให้ร่วมกันใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าสัญญายอมความทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทในคดีอาญา และข้อความมีเงื่อนไขอันจะสำเร็จได้หรือไม่สุดแล้วแต่ใจของโจทก์ จึงเป็นโมฆะ และจำเลยมิได้ผิดสัญญาจึงไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีการเฉพาะเรื่องดอกเบี้ยว่าไม่ต้องรับผิดเพราะสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาระงับข้อพิพาทในคดีอาญาอันเป็นทั้งความผิดส่วนตัวและความผิดต่ออาญาแผ่นดิน เป็นโมฆะ และจำเลยกับภริยาโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินใหม่ เงื่อนไขตามสัญญายอมความจึงระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีอาญาที่โจทก์จำเลยเป็นความกันอยู่ในขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเรื่องฉ้อโกงอันเป็นความผิดซึ่งยอมความกันได้ และข้อความในสัญญายอมความ ข้อ ๗ ที่ว่า จำเลยยินยอมไม่ฟ้องคดีอาญาอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาเรื่องฉ้อโกงนั้น เป็นส่วนที่พึงสันนิษฐานได้ว่าคู่กรณีได้เจตนาที่จะแยกส่วนนี้ออกหากจากกันได้ สัญญายอมความนั้นจึงสมบูรณ์
การทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันนั้น ก็เป็นการที่โจทก์ปฏิบัติตามสัญญายอมความข้อ ๑ ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสัญญาขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงยกเลิกเงื่อนไขในสัญญายอมความ สัญญายอมความเดิมจึงมิได้เปลี่ยนแปลงยกเลิกหรือระงับไป
จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์
พิพากษายืน

Share