คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศตกลงซื้อขายข้าวนึ่งกับจำเลยที่ 1 ซึ่งภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยโดยทางโทรพิมพ์ และโจทก์ได้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมายังเครดิตธนาคาร ก. เพื่อชำระเงินค่าข้าวนึ่งตามที่มีการติดต่อกันไว้ทางโทรพิมพ์แล้วก็ตาม เมื่อการตกลงซื้อขายข้าวนึ่งดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยทั้งสองผู้ต้องรับผิดหรือได้วางประจำหรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง โจทก์จึงไม่สามารถฟ้องร้องบังคับแก่จำเลยทั้งสองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจดทะเบียน ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โจทก์กับจำเลยทั้งสองทำความตกลงซื้อขายข้าวนึ่งไทย ชนิด 5% จำนวน 5,250 ตัน ในราคาตันละ 193 เหรียญสหรัฐอเมริกา ขนส่งโดยทางเรือแบบ เอฟ.โอ.บี.(F.O.B.) จากท่าเรือกรุงเทพฯ ถึงท่าเรือชายฝั่งแอฟริกาตะวันตกโดยกำหนดให้จำเลยทั้งสองส่งมอบสินค้าลงเรือ ณ ท่าเรือกรุงเทพภายในเดือนกันยายน 2530 ซึ่งโจทก์จะเป็นผู้นำเรือมารับสินค้าณ ท่าเรือกรุงเทพฯ เอง และโจทก์จะชำระค่าสินค้าผ่านทางธนาคารอินโดสุเอซ สาขาเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มายังธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นธนาคารตัวแทนของจำเลยทั้งสอง ต่อมาโจทก์ก็ได้ดำเนินการตามที่ตกลงไว้แล้ว โดยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตส่งมายังธนาคารกรุงเทพ จำกัดสำนักงานใหญ่ หลังจากนั้นโจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบว่าโจทก์จะนำเรือมารับสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17 ถึงวันที่25 กันยายน 2530 ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบสินค้าให้โจทก์ในช่วงเวลาดังกล่าว ต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2530 จำเลยทั้งสองมีหนังสือถึงโจทก์ปฏิเสธที่จะส่งมอบสินค้าตามสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลย การผิดสัญญาดังกล่าวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 18,381,132.48 บาทให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน17,311,924.35 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์เพียงแต่เสนอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมายังธนาคารกรุงเทพ จำกัด เพื่อขอซื้อข้าวนึ่งจำนวน5,250 ตัน จากจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถขายข้าวนึ่งจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้ตกลงขายข้าวนึ่งให้โจทก์ และไม่ได้รับชำระหนี้ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตตามที่โจทก์กล่าวอ้าง สัญญาซื้อขายข้าวนึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังไม่เกิดขึ้น ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยร่วมกับจำเลยที่ 1หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ทำความตกลงซื้อขายข้าวนึ่งตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ได้มีโทรพิมพ์ติดต่อซื้อขายข้าวนึ่งต่อกันตามเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.9ภายหลังติดต่อกันทางโทรพิมพ์แล้ว โจทก์ได้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมายังธนาคารกรุงเทพ จำกัด เพื่อชำระเงินค่าข้าวนึ่งตามที่มีการติดต่อกันไว้ตามโทรพิมพ์เอกสารหมาย จ.5 ถึง 9 แต่จำเลยที่ 1ไม่สามารถจัดส่งข้าวนึ่งให้โจทก์ได้ เพราะเงื่อนไขตามเลตเตอร์ออฟเครดิตที่กำหนดไว้ทางจำเลยที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติได้ แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การซื้อขายข้าวนึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อการเจรจายุติลงตามเอกสารโทรพิมพ์หมาย จ.5 ถึง จ.9 แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคสอง กำหนดว่าสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันมีราคาห้าร้อยบาท หรือกว่านั้นขึ้นไป สัญญาจะซื่อจะขาย คำมั่นในการขายทรัพย์ที่มีราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดด้วย หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตามเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.9 ไม่ปรากฏหลักฐานการชำระหนี้บางส่วนหรือการวางมัดจำหรือลายมือชื่อของจำเลยทั้งสองที่ต้องรับผิด โจทก์จึงไม่สามารถฟ้องร้องให้บังคับแก่จำเลยทั้งสองได้ที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่ามีแก่ได้ในเอกสารดังกล่าว ศาลฎีกาตรวจแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่มิได้โต้แย้งและว่ากล่าวมาก่อนในศาลชั้นต้นทั้งไม่ปรากฏแก่ได้ในเอกสารดังโจทก์อ้างแต่อย่างใด คดีฟังได้ว่าสัญญาตกลงซื้อขายข้าวนึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่สามารถจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
พิพากษายืน

Share