คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2500. จำเลยทำผิดฐานยุยงทหารให้ก่อการกำเริบโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัยและสมรรถภาพของกรมกองทหารเสื่อมทรามลงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 115จำเลยจะอ้างว่าการกระทำของจำเลยอยู่ในข่ายแห่งพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายนพ.ศ.2500 หาได้ไม่เพราะ พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมดังกล่าวนี้ใช้แก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2500

ย่อยาว

ได้ความว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2500 จำเลยได้กล่าววาจายุยงทหารให้ก่อการกำเริบโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัยและสมรรถภาพของกรมกองทหารเสื่อมทรามลง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 115 วรรค 2

จำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น

(1) ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงฝ่าฝืนต่อพยานหลักฐานในท้องสำนวนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีพยานมาให้การตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟัง การวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงอันมีอยู่ในท้องสำนวนแล้ว

(2) จำเลยฎีกาว่า การกล่าวถ้อยคำปราศรัยของจำเลยแม้จะเกินเลยและไม่สมควรไปบ้าง การกระทำของจำเลยอยู่ในข่ายแห่ง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจบริหารเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 และว่าจำเลยเป็นนักการเมืองของพรรคการเมืองขบวนการไฮด์ปาร์คจำเลยมีสิทธิเสรีภาพโดยบริบูรณ์ในการหาเสียงให้แก่จำเลยและแก่พรรคการเมืองในการรับเลือกตั้งภายในความมุ่งหมายและขอบเขตรัฐธรรมนูญตามแบบอย่างฎีกาที่ 631/2491

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่อยู่ในข่ายแห่ง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ฯที่จำเลยอ้างเพราะ พระราชบัญญัติ นี้ใช้แก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 และว่าการโฆษณาหาเสียงในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนั้นย่อมเป็นสิทธิที่จำเลยกระทำได้แต่ถ้าการใช้สิทธินี้ผิดกฎหมาย จำเลยก็ต้องมีความผิด ฎีกาที่จำเลยอ้างมาเป็นเรื่องการติชมรัฐบาล ไม่ตรงกับเรื่องนี้

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share