แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีตามคำร้องของผู้ร้องสอดเป็นการขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 3 ซึ่งมิใช่กรณีที่จะร้องสอดในชั้นบังคับคดีเพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีมาแต่ต้น ผู้ร้องเป็นทายาทของ ป. เช่นเดียวกับจำเลยที่ 3การร้องสอดของผู้ร้องมีลักษณะเข้ามาเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการรับมรดกของตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)ซึ่งเป็นการเข้ามาต่อสู้คดีกับโจทก์ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ผู้ร้องจึงต้องยื่นคำร้องดังกล่าวขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น หาใช่มายื่นภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ใช้สิทธิไล่เบี้ยฟ้องให้จำเลยที่ 1และที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ภริยาของนายบุญมา มูลตะกร ผู้ปกครองทรัพย์มรดกและเป็นทายาทของนายบุญมาผู้ตายชำระเงินจำนวน 498,684บาท ซึ่งโจทก์ได้ชำระแก่ธนาคารทหารไทย จำกัด เจ้าหนี้แทนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และนายบุญมาในฐานะผู้ค้ำประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 498,684 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายบุญมากับจำเลยที่ 3 และเป็นทายาทของนายบุญมา จำเลยที่ 3 มิได้ยื่นอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดสำหรับจำเลยที่ 3 แต่นายบุญมาไม่จำต้องรับผิดตามฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องทายาทผู้รับมรดกของนายบุญมาให้รับผิดอีก คดีโจทก์ขาดอายุความ คำพิพากษาของศาลมีผลกระทบต่อสิทธิในการรับมรดกของผู้ร้อง ดังนี้ผู้ร้องจึงต้องร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยในชั้นบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดชำระหนี้ของทายาทผู้รับมรดกจากนายบุญมา โดยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของผู้ร้องมีใจความสำคัญว่านายบุญมา มูลตะกร ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 และผู้เป็นทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของนายบุญมาให้รับผิดต่อโจทก์ และนายบุญมาตายไปเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในส่วนที่ทายาทโดยธรรมของนายบุญมาต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์เห็นว่า กรณีตามคำร้องของผู้ร้องสอดเป็นการขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 3 ซึ่งมิใช่กรณีจะร้องสอดในชั้นบังคับคดีเพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดีมาแต่ต้น ผู้ร้องเป็นทายาทของนายบุญมาเช่นเดียวกับจำเลยที่ 3 การร้องสอดของผู้ร้องมีลักษณะเข้าเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการรับมรดกของตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ตามคำร้องเห็นได้ชัดว่าเป็นกรณีที่เข้ามาต่อสู้คดีกับโจทก์ตั้งแต่ศาลชั้นต้นดังนั้นจึงต้องยื่นคำร้องดังกล่าวขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น หาใช่มายื่นขอให้เพิกถอนคำพิพากษาภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วไม่ ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของผู้ร้องชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน