คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3023/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อ เสียงของโจทก์ทั้งด้านการเมืองและด้านการประกอบอาชีพ โดยบรรยายถึงตำแหน่งทางการเมืองของโจทก์และอาชีพคือแพทย์ด้วยเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่าการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อ เสียงทั้งสองด้าน แม้โจทก์จะไม่ได้แยกค่าเสียหายที่ขอว่าจำนวนใดเป็นของด้านใด ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความซึ่งไม่เป็นความจริงที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโจทก์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงคมนาคมกลั่นแกล้งบริษัท บ. มิใช่การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต หรือติ ชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของบุคคลในฐานะเยี่ยงจำเลยพึงกระทำ แต่เป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตาม ป.พ.พ.มาตรา 423.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์รายวันมติชนซึ่งข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ทำให้เข้าใจว่าโจทก์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกลั่นแกล้งบริษัท ป.ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงของโจทก์ทั้งทางด้านการเมืองและการประกอบอาชีพ ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทน500,000 บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า การเสนอข่าวนั้นไม่มีข้อความตอนใดที่หมายความว่าโจทก์กลั่นแกล้งบริษัท บ. และเป็นการเสนอข่าวด้วยความชอบธรรมอันอยู่ในวิสัยซึ่งบุคคลในฐานะเช่นจำเลยสามารถกระทำได้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์เสียหายไม่เกิน 1,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น เห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงของโจทก์ทั้งด้านการเมืองและด้านการประกอบอาชีพ โดยขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เป็นรองหัวหน้าพรรคประชากรไทยและประกอบอาชีพเป็นแพทย์ด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยที่ 2 ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของหนังสือพิมพ์และเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ โจทก์ขอคิดค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 500,000 บาท เห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องโดยแสดงโดยชัดแจ้งแล้วว่า การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ทั้งในด้านการเมืองและการประกอบอาชีพแพทย์ส่วนจำนวนค่าเสียหายของโจทก์ แม้โจทก์จะขอรวมกันมาเป็นเงิน500,000 บาท โดยไม่ได้บรรยายฟ้องว่าค่าเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ในด้านการเมืองเป็นจำนวนเท่าใด ค่าเสียหายด้านประกอบอาชีพแพทย์เป็นจำนวนเท่าใดก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหาเคลือบคลุมไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า หนังสือพิมพ์ฉบับพิพาทไม่มีข้อความตอนใดที่ละเมิดต่อโจทก์การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์นั้นเห็นว่าข้อความที่จำเลยพิมพ์โฆษณาลงในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2529 มีข้อความสำคัญโดยพาดหัวว่าบ.มินิแบร์โวย บุญเทียมทำแสบดองเรื่องเที่ยวบินขนผลิตภัณฑ์และมีข้อความต่อไปว่าบุญเทียม เมขาภิรัตน์ ถูกโวยอีกแล้ว บริษัทมินิแบร์ผู้ผลิตตลับลูกปืน ร้องเรียนกระทรวงอุตสาหกรรมถูกบุญเทียมเตะถ่วงอนุมัติเที่ยวบินพิเศษขนผลิตภัณฑ์ส่งขายนอก อันการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายทำให้ไม่มั่นใจในการลงทุนในไทย เผยผจญปัญหามาปีเศษแล้ว และมีข้อความต่อไปว่า การขออนุมัติเที่ยวบินพิเศษนี้กรมการบินพาณิชย์จะเสนอต่อนายแพทย์บุญเทียม เขมาภิรัตน์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ติดชัดที่นายแพทย์บุญเทียมกว่าจะลงนามเห็นชอบก็จวนถึงเวลาที่มินิแบร์ได้เตรียมการบินไว้แล้ว ซึ่งโจทก์กล่าวในฟ้องว่าข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ดังกล่าวไม่เป็นความจริงความจริงโจทก์ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือถ่วงเวลาการอนุมัติการขออนุญาตใช้เครื่องบินขนสินค้าของบริษัทมินิแบร์ จำกัด แต่อย่างใด ซึ่งตามคำให้การจำเลย จำเลยก็ยอมรับว่าได้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง แต่ข้อความที่จะเลยลงพิมพ์ไม่มีข้อความตอนใดอันเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ การเสนอข่าวของจำเลยเป็นการชอบธรรมอันอยู่ในวิสัยซึ่งบุคคลในฐานะเช่นจำเลยกระทำได้เท่านั้น ไม่ได้ให้การโดยชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยลงพิมพ์เป็นความจริง เท่ากับจำเลยยอมรับว่าไม่เป็นความจริง ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่จำเลยพิมพ์โฆษณาดังกล่าวซึ่งไม่เป็นความจริง ย่อมทำให้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์เข้าใจว่าโจทก์เก็บเรื่องการขออนุมัติเที่ยวบินพิเศษเพื่อขนผลิตภัณฑ์ของบริษัทมินิแบร์ จำกัดและถ่วงเวลาไว้ ไม่รีบอนุมัติเที่ยวบินเสียโดยเร็ว เป็นการกลั่นแกล้งบริษัทมินิแบร์ จำกัดให้ได้รับความเสียหาย ข้อความที่จำเลยลงพิมพ์ดังกล่าวมิใช่การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต ติชม ด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของบุคคลในฐานะเยี่ยงจำเลยพึงกระทำ จำเลยจึงไม่มีเอกสิทธิ์อันใดที่จะกล่าวหรือไขข่าวอันฝ่าฝืนต่อความจริงได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์…”
ที่จำเลยฎีกาว่า ค่าเสียหายของโจทก์ไม่ควรเกิน 1,000 บาทนั้นเห็นว่าขณะเกิดเหตุโจทก์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนกรุงเทพมหานคร เป็นรองหัวหน้าพรรคประชากรไทยและประกอบอาชีพเป็นนายแพทย์ด้วย การที่จำเลยลงพิมพ์ข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงย่อมทำให้โจทก์เสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์แม้โจทก์จะได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนราษฎรอีกในเวลาต่อมาตามที่จำเลยกล่าวในคำฟ้องฎีกาก็ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายและค่าเสียหายของโจทก์ไม่ควรเกิน 1,000 บาท ในเรื่องชื่อเสียงและเกียรติคุณนี้ กว่าจะสะสมได้ต้องใช้เวลาอันยาวนาน และไม่อาจคำนวณออกมาเป็นตัวเงินที่มีจำนวนแน่นอนได้ การที่ศาลล่างทั้งสองกำหดนค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ชื่อเสียงของโจทก์ให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ 50,000 บาท โดยพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์และความร้ายแห่งละเมิดตลอดจนชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์ประกอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นจำนวนที่พอสมควรแล้ว”
พิพากษายืน.

Share