คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสองแต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2) เมื่อศาลสั่งรับคำให้การของจำเลยอื่นและจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรประการใดที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การตามกำหนดระยะเวลาในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 และไม่แถลงว่าจะจัดการกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 5 วัน ซึ่งโจทก์ได้ทราบคำสั่งของศาลแล้ว ถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดี ภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเพื่อการนั้น อันเป็นการทิ้งฟ้อง จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไปตามรูปคดี จำเลยทั้งสี่ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้โจทก์จัดการนำหมายเรียกสำเนาฟ้องเพื่อส่งให้จำเลยทั้งสี่แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 มีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่รับฟ้อง โดยมีภูมิลำเนาอยู่เขตศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีหนังสือแจ้งมายังศาลชั้นต้นที่รับฟ้องว่าส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในหนังสือของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2524 ว่ารอฟังโจทก์แถลง คดีไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือรายงานผลการส่งหมายของศาลจังหวัดบุรีรัมย์และคำสั่งศาลชั้นต้นในหนังสือฉบับนั้นเลย กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนด อันจะถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับหมายเรียกสำเนาฟ้องตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2524 และมิได้ยื่นคำให้การภายในวันที่ 11 มีนาคม 2524 โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การในวันที่ 26 มีนาคม 2524 ซึ่งเป็นวันครบกำหนด15 วัน นับแต่ครบกำหนดยื่นคำให้การของจำเลยที่ 1 ก็เพราะคดียังมีปัญหาพัวพันที่จะต้องรอฟังคำให้การของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 อยู่อีก การที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดียังไม่มีเหตุสมควรจะรีบด่วนจำหน่ายคดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จริงอยู่ เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง แต่การสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2) โดยเฉพาะคดีนี้ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี ซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งรับคำให้การของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 แล้วเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2524 และจำเลยที่ 1 ก็ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 14 ตุลาคม 2524 ขออนุญาตยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรประการใดที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์”

พิพากษายืน

Share