คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายความซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายโจทก์ และให้มีอำนาจ ‘ดำเนินกระบวนพิจารณา ประนีประนอมยอมความ ถอนฟ้องสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา’ ได้ลงลายมือชื่อในฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับคดีอาญาแทนโจทก์ เช่นนี้คำฟ้องคดีส่วนอาญาจึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) โจทก์ชอบที่จะขอแก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 163,164 จะถือว่าการที่โจทก์ได้สาบานตัวเบิกความต่อศาลยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ฟ้องจำเลยและในชั้นอุทธรณ์โจทก์ลงชื่อในท้ายอุทธรณ์นั้น เป็นการให้สัตยาบันว่า โจทก์มอบอำนาจให้ทนายความฟ้องคดีส่วนอาญาแล้วไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานในการขอจับจองที่ดินว่า ที่ที่ขอจับจองเป็นที่รกร้างว่างเปล่า อันเป็นเท็จความจริงเป็นที่ดินของโจทก์จำเลยก็รู้อยู่แล้ว กับจำเลยยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดให้สั่งห้ามมิให้อำเภอทำการซื้อขายที่ดินของโจทก์ดังกล่าวให้นายดำรงค์ อันเป็นการละเมิดและรอนสิทธิของโจทก์ ทำให้เสียหายขาดประโยชน์ค่าขายที่ดินและค่าทำคันนา 9,021 50 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173, 174, 90, 91 และแสดงว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งในจำนวนเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าโจทก์จะได้รับเงินจากผู้ซื้อศาลชั้นต้นสั่งประทับฟ้องเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นป่า จำเลยไม่ได้กระทำผิดฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นเห็นว่า ตัวโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในฟ้อง คงมีแต่ทนายโจทก์เป็นผู้ลงชื่อในช่องโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ในส่วนอาญา และฟังไม่ได้ว่าจำเลยละเมิด ที่พิพาทยังเป็นที่รกร้างว่างเปล่ายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) โจทก์ต้องลงลายมือชื่อในฟ้องด้วยตนเอง ทนายโจทก์จะเป็นผู้ลงชื่อแทนไม่ได้ และการที่โจทก์ลงชื่อในใบแต่งทนายระบุว่า ขอแต่งให้นายณรงค์ วงศ์สกล เป็นทนายความ ให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณา ประนีประนอมยอมความ ถอนฟ้อง สละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ – ฎีกานั้น ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินคดีหลังจากยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว มิใช่เป็นการปฏิบัติเกี่ยวกับการฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) อ้างฎีกาที่ 435/2483 และที่ 618/2490 และเห็นว่า เมื่อฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163, 164 จะถือว่าการที่โจทก์สาบานตัวเบิกความต่อศาลยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ฟ้องจำเลยและการที่โจทก์ลงชื่อในท้ายอุทธรณ์เป็นการให้สัตยาบันว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายฟ้องแล้วหาได้ไม่ ในส่วนแพ่งฟังว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ จำเลยไม่ได้ละเมิด พิพากษายืน

Share