คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอค่าขาดไร้อุปการะ แม้จะไม่ได้บรรยายว่าโจทก์ควรได้เป็นรายเดือน รายปีเท่าไร เป็นเวลานานเท่าใดก็ตามเมื่อได้ระบุจำนวนที่ขอมา ศาลก็พิจารณากำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยประกอบกิจการรถทัวร์รับส่งคนโดยสาร ได้เช่ารถทัวร์คันเกิดเหตุมาแล่นรับส่งคนโดยสารแทนรถทัวร์ของจำเลยซึ่งเสียอยู่ การที่คนขับรถทัวร์ได้ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้กำหนดและใช้ให้กระทำนั้น คนขับรถทัวร์จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เมื่อตัวแทนของจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ประกอบมาตรา 425
การใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าขาดไร้อุปการะ ต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ผู้ขอมีอายุ 90 ปีเศษขณะยื่นฟ้องและได้ถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 90,000 บาท จึงสูงไป โจทก์ที่ 1 ควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะเพียง 45,000 บาท
เหตุละเมิดเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของคนขับรถทั้งสองคัน ทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและนายจ้างร่วมรับผิดด้วย ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหน เท่าใด จำเลยทุกคนจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวอย่างลูกหนี้ร่วม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นบิดา โจทก์ที่ ๒ เป็นภรรยาของนายสุธน กัมพลานนท์ ได้รับอุปการะเลี้ยงดูจากนายสุธนตลอดมา เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๓ นายสุธนซื้อตั๋วโดยสารของจำเลยที่ ๑ จากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจำเลยที่ ๑ จัดให้โดยสารไปกับรถคันหมายเลขทะเบียน น.ฐ.๒๖๓๗๒ ของจำเลยที่ ๒ ครั้งรถดังกล่าวแล่นไปตามถนนเพชรเกษมถึงหลักกิโลเมตร ๖๙/๕๐๐ ตำบลชัยเงิน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ได้ชนกับรถบรรทุก ๑๐ ล้อ คันหมายเลขทะเบียน น.ฐ.๒๒๙๗๕ ของจำเลยที่ ๓ มีจำเลยที่ ๔ เป็นคนขับในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ ด้วยความประมาทของคนขับรถทั้งสองคันที่ขับด้วยความประมาท เป็นเหตุให้นายสุธนถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองจัดการศพสิ้นเงินประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท และต้องขาดไร้อุปการะ ขอค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจทก์ที่ ๑ ไม่ได้เป็นบิดา โจทก์ที่ ๒ ไม่เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุธน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เหตุที่รถเฉี่ยชนเป็นเพราะความประมาทของคนขับรถบรรทุก ๑๐ ล้อ ที่ขับด้วยความประมาท จำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันหมายเลขทะเบียน น.ฐ.๒๖๓๗๒ และไม่ได้จัดให้นายสุธนโดยสารไปกับรถคันดังกล่าว ค่าจัดการศพไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ค่าไร้อุปการะไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าโจทก์คนไหนขาดไร้อุปการะอย่างไร เป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ทั้งสองพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปัญหาว่าฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับค่าขาดไร้อุปการะเคลือบคลุมหรือไม่นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่านายสุธนซึ่งเป็นบุตรและสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ได้ซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารจากจำเลยที่ ๑ เพื่อเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยที่ ๑ จัดให้นายสุธนโดยสารไปกับรถของจำเลยที่ ๒ และรถดังกล่าวเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก ๑๐ ล้อ ของจำเลยที่ ๓ โดยจำเลยที่ ๔ เป็นคนขับแล่นสวนทางมาด้วยความประมาทของคนขับรถทั้งสองคัน เป็นเหตุให้นายสุธนถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองจัดงานศพสิ้นเงินประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท และขอค่าขาดไร้อุปการะ ๑๘๐,๐๐๐ บาท เห็นว่า ค่าขาดไร้อุปการะเป็นค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับตามกฎหมาย แม้จะไม่ได้บรรยายว่าโจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ควรได้เป็นรายเดือน รายปีคนละเท่าไร เป็นเวลานานเท่าใดก็ตาม เมื่อได้ระบุจำนวนที่ขอมา ศาลก็พิจารณากำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควร คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถทัวร์คันเกิดเหตุและไม่ได้เป็นนายจ้างของคนขับรถทัวร์ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า แม้รถทัวร์คันที่ผู้ตายโดยสารไปจะไม่ใช่รถของจำเลยที่ ๑ คนขับรถก็ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๑ เช่ารถทัวร์คันดังกล่าวมาวิ่งรับส่งคนโดยสารแทนรถทัวร์ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเสียวิ่งรับคนโดยสารไม่ได้ ดังนั้น การที่คนขับรถทัวร์ได้ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้กำหนดและใช้ในคนขับรถทัวร์กระทำตามนั้น คนขับรถทัวร์จึงเป็นผู้กระทำการแทนจำเลยที่ ๑ ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ กระทำกรนั้นด้วยตนเอง หรือคนขับรถทัวร์เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ นั่นเอง เมื่อตัวแทนจำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๑ ในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลละเมิดนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๗ ประกอบด้วยมาตรา ๔๒๕ จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดใช้ค่าขาดไร้อุปการะและค่าปลงศพนายสุธนผู้ตายให้แก่โจทก์ ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้โจทก์ได้รับค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงินคนละ ๙๐,๐๐๐ บาทนั้น เฉพาะโจทก์ที่ ๑ มีอายุ ๙๐ ปีเศษขณะยื่นฟ้องและได้ถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การกำหนดค่าขาดไร้อุปการะต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยใช้ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาทจึงสูงไป โจทก์ที่ ๑ ควรได้รับค่าขาดอุปการะเพียง ๔๕,๐๐๐ บาท ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรับผิดเสมือนกับเป็นลูกหนี้ร่วมนั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยทุกคนมีเจตนาร่วมกัน จำเลยทุกคนจึงควรแบ่งความรับผิดเป็นส่วน ๆ ซึ่งตนมีส่วนละเมิดเห็นว่า เหตุละเมิดคดีนี้เกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของคนขับทั้งสองคัน ทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและเป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดด้วย ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหน เท่าใด จำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าว
พิพากษาแก้เฉพาะค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่ ๑ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share