คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่2ทราบอยู่แล้วในขณะทำการจดทะเบียนรับโอนที่พิพาทว่าจำเลยที่1มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่1ในการโอนที่พิพาทให้แก่จำเลยที่2จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1480วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ใส่ชื่อโจทก์กับจำเลยที่1เป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดที่ดินพิพาทโดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎในคำฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาของจำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรสกันเมื่อเดือนมิถุนายน 2520 ในระหว่างเป็นสามีภริยากันมีสินสมรสเป็นที่ดิน 1 แปลง ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 35965 ตำบลศาลายาอำเภอนครชัยศรี (เมือง) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) เนื้อที่1 งาน 27 ตารางวา ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของเมื่อวันที่ 22มิถุนายน 2533 จำเลยที่ 1 ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 โดยโจทก์ไม่ทราบและไม่ได้ให้ความยินยอม ทำให้โจทก์เสียเปรียบโจทก์มีสิทธิ์ขอให้เพิกถอนการซื้อขายได้ หากเพิกถอนไม่ได้ จำเลยทั้งสองต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าที่ดินให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ที่ดินมีราคาตารางวาละ 12,000 บาท โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายเป็นเงิน 762,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนเพิกถอนการซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 35965 ตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี(เมือง) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) หากเพิกถอนการซื้อขายไม่ได้ ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 762,000 บาท
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1หรือไม่ จำเลยที่ 2 ไม่ทราบและไม่รับรอง จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียวและจดทะเบียนหย่ากับโจทก์แล้วจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าเสียค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 35965 ตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี (เมือง) จังหวัดนครปฐม(นครชัยศรี) ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 แล้วให้ใส่ชื่อโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนด หากเพิกถอนไม่ได้ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินแก่โจทก์ 254,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโดยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาข้อเดียวว่า จำเลยที่ 2 ทราบอยู่แล้วขณะที่ทำการจดทะเบียนโอนที่พิพาทว่า จำเลยที่ 1 มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้มาให้ความยินยอมในการโอน เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตหรือไม่นายวุฒิชัย หวานดี นักวิชาการที่ดิน 5 เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าหากคู่สัญญามีคู่สมรสจะต้องให้คู่สมรสมาให้ความยินยอม แต่ถ้าคู่สัญญายอมรับผิดร่วมกันก็สามารถทำนิติกรรมได้ ตามสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.3 คู่สมรสของผู้ทำสัญญาไม่ได้มาให้ความยินยอม คู่สัญญายืนยันให้เจ้าพนักงานจดทะเบียนไปโดยยอมรับผิดร่วมกัน จำเลยที่ 2 เบิกความเป็นพยานตอบทนายโจทก์ถามค้านรับว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อในเอกสารหมาย จ.3 ด้านหลัง ปรากฎว่าด้านหลังของเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่า “การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขายข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้าพเจ้ามีสามีหรือภริยาโดยชอบ วันนี้มิได้มาให้ถือคำยินยอมหรือนำหนังสือยินยอมมา ข้าพเจ้าผู้ขอทั้งสองฝ่ายยื่นยันให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนให้ และยอมรับผิดชอบกันเองหากมีความเสียหายขึ้นภายหลัง” ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อรับรองในฐานะผู้ซื้อ และจำเลยที่ 1 ลงชื่อรับรองในฐานะผู้ขาย ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายประเสริฐบิดาจำเลยที่ 2 ได้สอบถามจำเลยที่ 1ถึงใบหย่าต่อหน้าจำเลยที่ 2 เพราะต้องนำไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 และยังฟังได้ตามข้อความด้านหลังเอกสารหมาย จ.3 ว่าจำเลยที่ 2 ได้รับรองว่าจำเลยที่ 1 มีภริยาโดยชอบแต่มิได้มาให้ถ้อยคำยินยอมหรือนำหนังสือยินยอมมาข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ทราบอยู่แล้วในขณะทำการจดทะเบียนรับโอนที่พิพาทว่า จำเลยที่ 1 มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่ 1 ในการโอนที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 วรรคหนึ่งแต่มีศาลชั้นต้นพิพากษาให้ใส่ชื่อโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดที่ดินพิพาทโดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องนั้น เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดเลขที่35965 ตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี (เมือง) จังหวัดนครปฐม(นครชัยศรี) ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 หากเพิกถอนไม่ได้ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินแก่โจทก์ 254,000 บาท คำขออื่นให้ยก

Share