แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิม ป. ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายสำหรับปี พ.ศ. 2511 คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาปี 2516 แล้ว ป. ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในการละเมิดดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ถึงปี พ.ศ. 2516 ดังนี้ เมื่อการละเมิดตามฟ้องเกิดขึ้นและติดต่อกันมาตั้งแต่คดีเดิม ป. มีทางเรียกร้องในคดีเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่เรียกร้อง จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายปอด หอมสุข เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไถและหยอดพืชในที่ดินของนายปอด นายปอดจึงฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ปีเดียว แต่ระหว่างเป็นความจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๖ จำเลยทั้งสองเข้าทำไร่ในที่พิพาทเป็นการละเมิดขึ้นหลังคดี ทำให้นายปอดเสียหายปีละ ๓,๗๐๔ บาท รวมเป็นเงิน ๓๘,๕๒๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า นายปอดสติไม่ดีลงชื่อโดยไม่รู้ว่าเป็นพินัยกรรม จำเลยที่ ๒ เลิกทำไร่ที่พิพาทมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายมากเกินควร คดีขาดอายุความ และเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องและคำให้การแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๐๖/๒๕๑๒ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ขณะนายปอดฟ้องคดี การละเมิดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๖ ยังไม่เกิดเพราะการทำนามิใช่ว่าจะทำนาทุกปีเสมอปี โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกมีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติว่า เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๑๑ จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าทำไร่ที่พิพาทซึ่งเป็นของนายปอด หอมสุข นายปอด หอมสุข ได้ฟ้องขอแสดงสิทธิ์ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้ใช้ค่าเสียหายขาดประโยชน์ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่านายปอด หอมสุข มีสิทธิ์ครอบครองที่พิพาท ให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นเงิน ๗,๗๐๔ บาท ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๑๖ นายปอดตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนายปอดมาฟ้องเรียกค่าเสียหายในการละเมิดดังกล่าวตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๖ ต่อจากที่นายปอดฟ้องเรียกร้องไว้ในคดีเดิม ซึ่งตามคำบรรยายฟ้องปรากกชัดว่าจำเลยทั้งสองได้ละเมิดครอบครองที่พิพาทของนายปอดมาตั้งแต่วันทำละเมิดดังกล่าวติดต่อมาถึง พ.ศ. ๒๕๑๖ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการละเมิดตามฟ้องเกิดขึ้นและติดต่อกันมาตั้งแต่คดีเดิมมิได้มีการละเมิดเกิดขึ้นใหม่แต่อย่างใด ค่าเสียหายในปีถัดจากปีที่นายปอดฟ้องเรียกร้องก็เป็นสิทธิ์ของนายปอดที่จะเรียกร้องเอาได้ในคราวเดียวเป็นค่าเสียหายในอนาคต เมื่อนายปอดมีทางเรียกร้องได้ในคดีเดิมอยู่แล้ว แต่มิได้เรียกร้อง โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนายปอดมาฟ้องเรียกร้องจากจำเลยทั้งสองอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีเดิม ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
พิพากษากลับ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.