แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ยื่นคำร้องเท็จต่อศาลขอว่าความอย่างคนอนาถา แล้วเข้าเบิกความต่อศาลว่าทรัพย์สมบัติโคกระบือไม่มีซึ่งความจริงจำเลยมีโคอยู่ 2 ตัว ดังนี้ ต้องมีผิดตาม ม.118-155
ในคดีความผิดฐานเบิกความเท็จ ข้อที่ว่าผู้ร้องมีทรัพย์สมบัติหรือไม่ในกรณีเดียวกับเรื่องขอว่าความอย่างคนอนาถานั้น ถือว่าเป็นข้อสาระสำคัญแห่งคดีในการไต่สวนคดีอนาถาจำเลยให้การต่อศาลวันหลังต่อมาในระหว่างไต่สวนอนาถานั้นจำเลยแจ้งความจริงต่อผู้พิพากษาคนเดียวกันดังนี้ ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตาม ม.162 ตอน 2
ย่อยาว
คดีได้ความว่า ร.จำเลยยื่นคำร้องเท็จต่อศาลอ้างว่าเป็นคนขัดสนไม่มีทรัพย์ขอว่าความชั้นขัดทรัพย์อย่างคนอนาถา ในชั้นไต่สวนอนาถา ร.จำเลยได้เข้าเบิกความต่อศาลในข้อยากจนอนาถาว่าทรัพย์สมบัติโคกระบือนาสวนไม่มี ซึ่งความจริงจำเลยมีโคอยู่ ๒ ตัว โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๑๘-๑๕๕-๑๕๘
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.๑๑๘-๑๕๕
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามกฎหมายจะลงโทษตาม ม.๑๑๘ ไม่ได้ แลว่าข้อที่จำเลยเบิกความว่าไม่มีโค ไม่ใช่ข้อสำคัญ จำเลยไม่มีผิดตาม ม.๑๕๕
ศาลฎีกาเห็นว่าเนื่องจากคำร้องของจำเลยทำให้โจทก์ต้องอ้างพะยานมาสืบต่อสู้โจทก์ ต้องเสียค่าธรรมเนียมแลค่าหมายเรียกพะยาน โจทก์จึงเป็นผู้ได้รับความเสียหายเพราะการกระทำของจำเลย ๆ ต้องมีผิดตาม ม.๑๑๘ ด้วย กับเห็นว่าการไต่สวนคดีอนาถานั้น เรือมีทรัพย์สมบัติหรือไม่มีนั้นเป็นข้อสำคัญแห่งคดี จำเลยมีโคแล้วเบิกความว่าไม่ต้องถือว่าจำเลยตั้งใจเบิกความเท็จในข้อสำคัญ คดีนี้ปรากฎว่าภายหลังจำเลยให้การรับต่อผู้พิพากษาคนเดียวกันในขณะบันทึกรายงานพิจารณาการไต่สวนเรื่องอนาถานับได้ว่า จำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้ได้รับแจ้งถ้อยคำเท็จก่อนเวลาที่ศาลพิพากษาเรื่องร้องขัดทรัพย์ แลก่อนเจ้าพนักงานจะได้ฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จนี้ด้วย ต้องตามมาตรา ๑๖๒ ตอน ๒ ซึ่งให้ลดอาญาให้จำเลยกึ่งหนึ่งจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๑๑๘-๑๕๕ ประกอบด้วย ม.๑๖๒ ตอน ๒ ให้จำคุกจำเลย ๓ เดือน ๑๕ วัน แต่ให้รอการลงอาญาไว้