คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การประเมินราคาทรัพย์สินนั้นเป็นเพียงการประมาณราคาในเบื้องแรกตามความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อประโยชน์ในการขายทอดตลาดต่อไปเท่านั้น ซึ่งราคาที่ประเมินไว้เป็นไปได้ว่าอาจไม่ตรงกับราคาที่แท้จริง แต่ทั้งนี้ก็หาใช่หลักเกณฑ์ตายตัวที่ผูกมัดผู้ที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีหรือศาลว่าเมื่อขายทอดตลาดแล้วจะต้องให้เป็นไปตามราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ แต่ขึ้นอยู่กับผู้เข้าสู้ราคาว่าจะให้ราคาสูงสุดเพียงใด โดยเฉพาะหากจำเลยที่ 2 เห็นว่า ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ต่ำไป ก็ชอบที่จะหาผู้เข้าสู้ราคาหรือคัดค้านการขายทอดตลาดเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์สินออกไป ดังนั้น กรณียังถือไม่ได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับจำเลยที่ 2 อันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง เพื่อให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งราคาประมูลทรัพย์สินใหม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่จำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวม 8 แปลง ของจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นชอบในราคาประเมินที่ดินทั้งแปดแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,000,000 บาท ตามที่ผู้แทนโจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกัน ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศตั้งราคาประมูลทรัพย์สินดังกล่าวใหม่ไว้เพียง 10,000,000 บาท ทั้งที่ตกลงตั้งราคาประเมินไว้ที่ 13,000,000 บาท อีกทั้งทางราชการประกาศขึ้นราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งราคาประมูลเริ่มต้นที่ 10,000,000 บาท จึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งราคาประมูลทรัพย์สินดังกล่าวใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การประเมินราคาทรัพย์สินนั้นเป็นเพียงการประมาณราคาในเบื้องแรกตามความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อประโยชน์ในการขายทอดตลาดต่อไปเท่านั้น ซึ่งราคาประเมินไว้เป็นไปได้ว่าอาจไม่ตรงกับราคาที่แท้จริง แต่ทั้งนี้ก็หาใช่หลักเกณฑ์ตายตัวที่ผูกมัดผู้ที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีหรือศาลว่าเมื่อขายทอดตลาดแล้วจะต้องให้เป็นไปตามราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ แต่ขึ้นอยู่กับผู้เข้าสู้ราคาว่าจะให้ราคาสูงสุดเพียงใด โดยเฉพาะหากจำเลยที่ 2 เห็นว่า ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ต่ำไป ก็ชอบที่จะหาผู้เข้าสู้ราคาหรือคัดค้านการขายทอดตลาดเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์สินออกไป ดังนั้น กรณียังถือไม่ได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับจำเลยที่ 2 อันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 มีสิทธิยื่นคำร้อขอต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง เพื่อให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งราคาประเมินทรัพย์สินใหม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องของจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share