คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินซึ่งจำเลยโอนให้ผู้คัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 1 โอนให้ผู้คัดค้านที่ 2 ในระหว่างที่จำเลยยังอยู่ในภาวะล้มละลาย แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการโอน แต่คดียังไม่ถึงที่สุดเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลยเพราะเหตุที่หนี้สินของผู้ล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว จำเลยจึงพ้นภาวะการเป็นบุคคลล้มละลายแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีอำนาจที่จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินนั้นได้ ศาลฎีกาจึงยกคำร้องของผู้ร้อง

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องว่า จำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่ผู้มีชื่อในขณะที่เป็นบุคคลล้มละลาย ผู้รับโอนรับโอนโดยไม่สุจริต จึงขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินดังกล่าว และให้โอนกลับคืนสู่ฐานะเดิม

ผู้คัดค้านทั้งสองคัดค้านว่า จำเลยโอนที่ดินให้ผู้คัดค้านที่ 1โดยมิได้มุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนใดเสียเปรียบ เป็นการโอนตามสัญญาซื้อขายและผู้คัดค้านที่ 1 โอนที่ดินแก่ผู้คัดค้านที่ 2 โดยสุจริต มีค่าตอบแทนและเปิดเผย ผู้คัดค้านทั้งสองไม่รู้มาก่อนว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดที่ดินพิพาทให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม

ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา

ก่อนผู้คัดค้านยื่นฎีกาและภายหลัง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 135(3)

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 22, 114, 115 ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 30070 และเลขที่ 30071 ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นของจำเลย จำเลยโอนที่ดินทั้งสองแปลงให้ผู้คัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 1 โอนให้ผู้คัดค้านที่ 2ในระหว่างที่จำเลยยังอยู่ในภาวะล้มละลาย และขอให้ที่ดินทั้งสองแปลงคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถคืนสู่ฐานะเดิมได้ก็ให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหาย ดังนั้น จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ จึงเป็นข้อที่ต้องพิจารณาตลอดมาแต่ศาลชั้นต้น แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการโอนที่ดินทั้งสองแปลง ให้ที่ดินทั้งสองแปลงคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถคืนสู่ฐานะเดิมได้ก็ให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหาย แต่คดียังไม่ถึงที่สุดเมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 135(3) คือยกเลิกการล้มละลายเพราะเหตุที่หนี้สินของผู้ล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว จำเลยจึงพ้นจากภาวะการเป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22, 114, 115 ที่จะขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว และให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าเสียหายได้ต่อไป ศาลฎีกาจึงต้องยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีก

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share