คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเพราะเหตุละเมิดแก่โจทก์เป็นเงิน 150,000 บาท จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งจำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์จงใจขาดนัดพิจารณา เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงแม้ฎีกาของจำเลยทั้งสองจะเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับประเด็นพิพาทตามฟ้องก็ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีเป็นหลักในการพิจารณาว่าเป็นคดีที่ฎีกาได้หรือไม่ เมื่อทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 150,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าขาดรายได้ไม่ได้ทำการงานเดือนละ 10,000 บาทนับจากวันฟ้องเป็นเวลา 30 ปี ด้วย

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 แถลงขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นให้รอฟังคำพิพากษา

ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า ทนายโจทก์นัดพยานมาศาลแล้ว ทนายโจทก์ต้องไปติดต่อที่สำนักงานขนส่งจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อไปรับใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์มาประกอบการสืบพยาน ทนายโจทก์พยายามโทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่ศาลตลอดเวลาแต่ติดต่อไม่ได้โจทก์ไม่ได้จงใจขาดนัด ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปและนัดสืบพยานโจทก์

จำเลยทั้งสองคัดค้านว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาโดยจงใจและไม่มีเหตุอันควรที่จะขอพิจารณาใหม่ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง และพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเพราะเหตุละเมิดแก่โจทก์เป็นเงิน 150,000 บาทจึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์จงใจขาดนัดพิจารณาเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง แม้ฎีกาของจำเลยทั้งสองจะเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น มิใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับประเด็นพิพาทตามคำฟ้อง ก็ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีเป็นหลักในการพิจารณาว่าเป็นคดีที่ฎีกาได้หรือไม่ เมื่อทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองมานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง

Share