แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคสองให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วยย่อมตกแก่คู่ความเฉพาะฝ่ายที่แพ้คดี จำเลยเป็นคู่ความและเป็นฝ่ายที่แพ้คดีจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมแต่ผู้เดียวผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของจำเลยยื่นคำร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีขอรับส่วนแบ่งจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด มิได้เป็นคู่ความที่แพ้คดีด้วย จึงไม่มีส่วนต้องรับผิดร่วมด้วยในค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี (อ้างฎีกาที่ 193/2502)
มาตรา 153 (2), 318 และ 319 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นบทบัญญัติกำหนดวิธีการจ่ายเงิน โดยให้หักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีออกจากเงินได้จากการขายทรัพย์เสียก่อนเหลือเงินสุทธิเท่าใดจึงจ่ายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หาใช่เป็นบทบัญญัติที่กำหนดความรับผิดในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความไม่
ย่อยาว
คดีนี้ สืบเนื่องมาจากศาลสั่งยึดทรัพย์ของนายหล บุนนาคจำเลยขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่ยึดขายทอดตลาดทั้งหมดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ขอให้ศาลกันส่วนเงินได้ของผู้ร้องจากการขายทอดตลาดให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ารับส่วนแบ่งจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดกึ่งหนึ่งตามคำร้อง
ศาลขายทอดตลาดทรัพย์ของนายหล บุนนาค จำเลยได้เงิน ๔๐๖,๓๕๐ บาท
ผู้ร้องยื่นคำแถลงขอรับเงินส่วนแบ่งของตนกึ่งหนึ่งของเงินที่ขายทอดตลาดได้เป็นเงิน ๒๐๓,๑๗๕ บาท
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องรับเงินไปได้กึ่งหนึ่งจากเงินสุทธิโดยถือว่าผู้ร้องแม้จะไม่ได้เป็นคู่ความ ก็ได้รับประโยชน์จากการขายทอดตลาดด้วย ผู้ร้องจะขอรับเงินไปโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการขายทอดตลาดด้วยไม่ได้
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำสั่งศาลชั้นต้น ให้คืนค่าธรรมเนียมที่หักส่วนของผู้ร้องไว้เป็นเงิน ๑๐,๑๕๘.๗๕ บาท แก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๑ ความว่า” ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกแก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คด ” ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในคดีนี้ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๑ วรรค ๒ ให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วย ย่อมตกอยู่แก่คู่ความเฉพาะฝ่ายที่แพ้คดี นายหล บุนนาค จำเลยสามีผู้ร้องเป็นคู่ความและเป็นฝ่ายที่แพ้คดีจึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมแต่ผู้เดียว ผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความที่แพ้คดีด้วยจึงไม่มีส่วนต้องรับผิดร่วมด้วยตามนัยฎีกาที่ ๑๙๓/๒๕๐๒
ส่วนบทบัญญัติมาตรา ๑๕๓(๒), ๓๑๘ และ ๓๑๙ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่โจทก์ฎีกาขึ้นมานั้น เป็นบทบัญญัติกำหนดวิธีการจ่ายเงินโดยให้หักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีออกจากเงินได้จากการขายทรัพย์เสียก่อน เหลือเงินสุทธิเท่าใดจึงจ่ายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หาใช่เป็นบทบัญญัติที่กำหนดความรับผิดในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความดังโจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน