คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2865/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยขายเรือยนต์แก่โจทก์ โจทก์ชำระราคาเป็นงวด ๆ จำเลยยึดเรือคืนจากโจทก์ โจทก์ปฏิเสธว่าไม่มีหน้าที่ชำระราคาและไม่เรียกเรือกลับคืน เป็นเจตนาเลิกสัญญากันแล้ว จำเลยต้องคืนราคาที่รับไปแก่โจทก์โดยหักเงินเป็นค่าที่โจทก์ได้ใช้เรือของจำเลยมาแล้วออก

ย่อยาว

จำเลยขายเรือยนต์แก่โจทก์ โจทก์ชำระราคาไปแล้วรวม 200,000 บาทยังไม่ครบ จำเลยยึดเรือจากโจทก์ โจทก์เรียกเงินคืนจากจำเลย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 100,000 บาท กับดอกเบี้ย และคืนเช็คที่ยังไม่ได้จ่ายเงินแก่โจทก์ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อแรกมีว่าสัญญาซื้อขายเรือยนต์ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง หรือตามเอกสารหมาย ล.1จะมีผลใช้บังคับแก่คู่สัญญาได้เพียงใดหรือไม่นั้น เห็นว่าตามข้อตกลงสัญญาดังกล่าวจำเลยตกลงขายเรือยนต์พร้อมเครื่องจักรดีเซลให้โจทก์ในราคา 530,000บาท ส่วนการชำระเงิน โจทก์ตกลงชำระด้วยเช็คสั่งจ่ายลงวันที่ล่วงหน้าแต่ละเดือนและแต่ละฉบับรวม 29 ฉบับ หากผิดนัดการชำระเงินตามเช็คงวดใด ให้ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด นอกจากโจทก์จะให้สิทธิจำเลยฟ้องร้องขอบังคับแก่การชำระหนี้ได้แล้ว ยังมีข้อตกลงให้จำเลยมีสิทธิที่จะเรียก เบี้ยปรับและค่าเสียหายตามที่ได้ระบุไว้ได้อีกโสดหนึ่งด้วยก็ตาม แต่ตามพฤติการณ์ที่จำเลยส่งมอบเรือให้โจทก์ไปก่อน ต่อมาไปยึดเรือกลับคืนโดยพลการ ไม่ใช้สิทธิตามสัญญาแสดงเจตนาของจำเลยว่าไม่ต้องการจะบังคับตามสัญญาต่อไป ส่วนโจทก์ก็ปฏิเสธว่าไม่มีหน้าที่ชำระราคาเรือให้จำเลย และมิได้ฟ้องเรียกร้องเอาเรือคืนเท่ากับทั้งสองฝ่ายเจตนาเลิกสัญญากันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจักต้องกลับคืนฐานะเดิมโดยจำเลยต้องคืนเงินที่รับไปให้แก่โจทก์ และโจทก์ต้องใช้ค่าที่ได้ใช้เรือก่อนมีการเลิกสัญญา ซึ่งศาลล่างทั้งสองกำหนดให้เป็นเงิน 100,000บาทนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ส่วนปัญหาว่าจำเลยรับชำระเงินค่าซื้อเรือยนต์จากโจทก์ไว้แล้วเท่าใดนั้นเห็นว่านอกจากเงินตามเช็คที่จำเลยรับไปแล้ว 95,000 บาท จำเลยนำสืบรับว่าได้นำเช็คค่าซื้อเรือของโจทก์ไปชำระหนี้คนอื่นถึง 7 ฉบับ เป็นเช็คฉบับละ 20,000บาท 5 ฉบับ เช็คฉบับละ 15,000 บาทอีก 2 ฉบับ รวมแล้วเป็นเงินถึง 130,000 บาทอันเจือสมข้อนำสืบโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยได้รับเงินค่าเรือไปจากโจทก์แล้วเป็นเงินถึง 200,000 บาทเศษ ซึ่งจำนวนที่ว่านี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลล่างทั้งสองว่าเมื่อหักค่าที่โจทก์รับผลประโยชน์จากการได้ใช้เรือระหว่างที่อยู่กับโจทก์เป็นเวลา22 เดือน เป็นเงิน 100,000 บาทออกแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 100,000 บาท นั้นให้คืนแก่โจทก์ไป”

พิพากษายืน

Share