แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างมูลละเมิด เนื่องมาจากโจทก์ได้รับอนุญาตจาก กรมสรรพสามิตให้ตั้งสถานีบ่มใบยา สร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยา เพาะปลูกต้นยาสูบซื้อและขายใบยา ในท้องที่ต่าง ๆ จำเลยได้ดำเนินกิจการอย่างเดียวกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตทับลงบนบางท้องที่ซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาต แม้การ กระทำของจำเลยดังกล่าวคือการตั้งสถานีบ่มใบยา สร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยาเพาะปลูกต้นยาสูบจะต้องได้รับ อนุญาตก่อนดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 แต่กิจการดังกล่าวนี้มิได้มีลักษณะเป็นการผูกขาด ซึ่งผู้ได้รับอนุญาตแล้วจะทำได้แต่เพียงผู้เดียวกิจการผูกขาด ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มีชนิดเดียวเท่านั้น คือการประกอบอุตสาหกรรมบุหรี่ซิกาแรต ซึ่งเป็นการผูกขาดของรัฐการกระทำของจำเลย ตามที่โจทก์ฟ้องแม้จะไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพสามิต ก็ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาสูบ ถือไม่ได้ว่ามี กฎหมายรับรองคุ้มครองสิทธิของโจทก์อันจะก่อให้เกิด มูลละเมิดตามกฎหมายโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2528
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานีบ่มใบยา โรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยาเพาะปลูกต้นยาสูบ ซื้อและขายใบยาจากโรงงานยาสูบ กรมสรรพสามิต ในเขตหลายท้องที่ ซึ่งโจทก์มีสิทธิดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวแต่ผู้เดียวตลอดมา ต่อมาจำเลยได้สร้างสถานีบ่มใบยา โรงบ่มใบยา บ่มใบยา เพาะปลูกต้นยาสูบ ซื้อขายใบยาโดยไม่ได้รับอนุญาตในเขตพื้นที่บางส่วนที่โจทก์ได้รับอนุญาตแต่ผู้เดียว จำเลยถูกจับกุมลงโทษ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์เสียหายคือจำเลยเพาะต้นกล้ายาสูบแจกผู้มีชื่อให้เพาะปลูกแล้วรับซื้อใบยาสดจากผู้ที่เคยเพาะปลูกและต้องนำมาขายโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๒๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยเลิกกิจการในเขตพื้นที่ที่โจทก์ได้รับอนุญาต
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของหรือมีสิทธิเหนือที่ดินอันเป็นเขตเพาะปลูกต้นยาสูบ การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์อันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องคดี โจทก์จำเลยต่างแข่งขันกันดำเนินการค้า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหาย ๑๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ และให้จำเลยเลิกกิจการ ตามที่โจทก์ฟ้องในเขตพื้นที่พิพาทที่โจทก์ได้รับอนุญาต
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างมูลละเมิดเนื่องมาจากโจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตให้ตั้งสถานีบ่มใบยา สร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยา เพาะปลูกต้นยาสูบ ซื้อและขายใบยา ในท้องที่ต่าง ๆ โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิดำเนินการในเขตพื้นที่ดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว จำเลยได้ดำเนินกิจการอย่างเดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาตทับลงบนบางท้องที่ซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาตไว้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ การกระทำของจำเลยที่จำต้องได้รบัอนุญาตก่อนดำเนินการตามที่โจทก์ฟ้อง คือการตั้งสถานีบ่มใบยาสร้างโรงบ่มใบยา ทำการบ่มใบยา เพาะปลูกต้นยาสูบ กิจการดังกล่าวนี้ มิได้มีลักษณะเป็นการผูกขาดดังที่โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าโจทก์ได้รับอนุญาตให้ทำได้แต่เพียงผู้เดียวกิจการผูกขาดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ มีชนิดเดียวเท่านั้น คือการประกอบอุตสาหกรรมบุหรี่ซิกาแรต ซึ่งเป็นการผูกขาดของรัฐ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖ การกระทำของจำเลยแม้จะยังไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพสามิตก็ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบถือไม่ได้ว่ามีกฎหมายรับรองคุ้มครองสิทธิของโจทก์อันจะก่อให้เกิดมูลละเมิดตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ประเด็นตามฎีกาข้ออื่นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเห็นสมควรให้เป็นพับไป