แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 8 วรรค 2 บังคับไว้ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้กระทำผิดในกรณีที่ไม่มีผู้นำจับเพียงร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับ การที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของค่าปรับนั้นจึงไม่ถูกต้อง แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในข้อนี้ขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยแก้ให้ถูกต้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับสารภาพฟังได้ว่าจำเลยช่วยกันเคลื่อนย้ายน้ำตาลทรายขาวโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกคนละ ๖ เดือน ปรับคนละ ๒,๐๐๐ บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๓ เดือน ปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ๒ ปี และให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและมิให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษจำคุกให้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์ยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย แต่ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของค่าปรับนั้น โดยที่มาตรา ๘ วรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ บังคับไว้ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้กระทำผิดในกรณีที่ไม่มีผู้นำจับเพียงร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับ ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายไม่ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละยี่สิบของค่าปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์