คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อพยานโจทก์ที่นำสืบยังเป็นที่สงสัย เห็นควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227 วรรคสอง และเนื่องจากข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๗ , ๘ , ๑๕ , ๖๖ ,๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ , ๘๓ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง , ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ลงโทษจำคุกคนละ ๑๐ ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า ตามคำเบิกความของนายเสถียรที่ว่าไปแจ้งให้สิบตำรวจโทเขียนทราบว่าจำเลยที่ ๒ จะนำเมทแอมเฟตามีนมาขายโดยให้สิบตำรวจโทเขียนติดตามไปในภายหลัง แต่ในคำให้การชั้นสอบสวนของนายเสถียรเอกสารหมาย จ.๔ กลับให้การว่า เมื่อจำเลยทั้งสองกลับไปที่บ้านของนายเสถียรแล้ว นายเสถียรจึงไปแจ้งให้สิบตำรวจโทเขียนทราบ ซึ่งเป็นคำให้การที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเวลาและขั้นตอนในการที่นายเสถียรไปแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจที่ไม่ชัดเจนและสับสน นายเสถียรได้ให้การในชั้นสอบสวนเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นวันเวลาหลังวันเกิดเหตุคือวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๑ นานประมาณ ๒ เดือน โดยไม่มีเหตุแห่งการล่าช้า ตอนตอบคำถามค้านของทนายจำเลยนายเสถียรเบิกความว่า วันเกิดเหตุตนไปเล่นไฮโลว์อยู่ที่งานศพ จำเลยที่ ๒ ไปร่วมเล่นด้วยแล้วชวนกลับมาที่บ้านของตนพบจำเลยที่ ๑ อยู่ที่บ้าน จึงสั่งให้ภริยาไปซื้ออาหารมาจะร่วมรับประทานด้วยกัน พอดีมีเจ้าพนักงานตำรวจเข้ามาจับกุม ซึ่งเจือสมกับทางนำสืบของจำเลยที่ ๑ แต่ไม่ตรงกับคำเบิกความของตนในตอนตอบคำซักถามของโจทก์ว่าตนเป็นผู้ไปบอกให้เจ้าพนักงานตำรวจมาจับกุมจำเลยทั้งสองที่บ้าน พยานโจทก์ปากนี้จึงไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นที่น่าสงสัย ส่วนพยานโจทก์ปากอื่นๆ ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจแม้จะเบิกความได้สอดคล้องกันหลังไปถึงที่เกิดเหตุ แต่ก่อนไปถึงที่เกิดเหตุมีเหตุระแวงสงสัยว่าได้ไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างไร เมื่อได้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น หากจำเลยที่ ๑ เป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนไปขายให้แก่นายเสถียรจริง เมื่อขายได้แล้วก็ควรจะรีบกลับไป มิใช่นอนรออยู่ที่เปลแขวนโดยไม่มีเหตุผล และโดยปกติผู้เป็นเจ้าของสิ่งผิดกฏหมายก็ควรจะวางเมทแอมเฟตามีนไว้ในที่มิดชิดมิใช่นำมาวางไว้โดยเปิดเผยอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ เพราะอาจถูกจับกุมได้ เมื่อพิจารณาประกอบกับคำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ ที่ให้การปฏิเสธโดยตลอดแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบยังเป็นที่สงสัย เห็นควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังขึ้น และเนื่องจากข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ ๒ จะมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ ๒ ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา๒๑๓ ประกอบมาตรา ๒๒๕
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสอง แต่ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง.

นายธนาลักษณ์ ศิริลักษณ์ ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายวิรัช ชินวินิจกุล ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share