คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยผลิตอีเฟดรีนชนิดเม็ดและเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกันส่วนอีเฟดรีนชนิดผงนั้น แม้โจทก์จะแยกฟ้องมาเป็นอีกข้อหนึ่งต่างหากเพื่อให้เห็นว่าเป็นคนละจำนวนกับอีเฟดรีนที่จำเลยผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายก็ตามแต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีอีเฟดรีนชนิดผงดังกล่าวไว้เพื่อใช้ในการผลิตเพื่อขายนั่นเอง ทั้งเป็นอีเฟดรีนที่เจ้าพนักงานตำรวจพบในเวลาและสถานที่เดียวกันกับอีเฟดรีนชนิดเม็ดและเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยผลิต จึงถือได้ว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106 ทวิ, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลางทั้งหมด

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตและฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 ทวิ, 116 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานร่วมกันผลิตซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ16 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกคนละ 8 ปี ริบของกลางทั้งหมด ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำความผิดฐานผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 และฐานขาย (มีไว้เพื่อขาย) วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามฟ้องข้อ 1 (ก) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่และการมีอีเฟดรีนชนิดผงจำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 74 กรัม ซึ่งคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 24.231 กรัม ตามฟ้องข้อ 1 (ข) เป็นการกระทำความผิดนอกเหนือจากการผลิตตามฟ้องข้อ 1 (ก) จึงมิใช่เป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานผลิตที่กล่าวในฟ้องข้อ 1 (ก) หรือไม่นั้น เห็นว่า ตามฟ้องข้อ 1 (ก) โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันผลิตอีเฟดรีนจำนวน 1,770 เม็ด หนัก 157 กรัม และเมทแอมเฟตามีนจำนวน 31 เม็ด หนัก 2.7 กรัม ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ส่วนอีเฟดรีนชนิดผงจำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 74 กรัม นั้น แม้โจทก์จะแยกฟ้องมาเป็นฟ้องข้อ 1 (ข) เพื่อให้เห็นว่าเป็นคนละจำนวนกับอีเฟดรีนที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันผลิตและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายตามฟ้องข้อ 1 (ก) ก็ตามแต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันมีอีเฟดรีนชนิดผงดังกล่าวไว้เพื่อใช้ในการผลิตเพื่อขายนั่นเอง ทั้งเป็นอีเฟดรีนที่เจ้าพนักงานตำรวจพบในเวลาและสถานที่เดียวกันกับอีเฟดรีนและเมทแอเฟตามีนที่จำเลยผลิตในฟ้องข้อ 1 (ก) จึงถือได้ว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกันดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ชอบแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share