คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดไว้ 434,000 บาทในการขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้ให้ราคาสูงสุด 500,000 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายตามคำคัดค้านของโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนอง และกำชับโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองให้หาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ในนัดหน้า มิฉะนั้นจะขายไปในราคาที่เห็นสมควรแต่จำเลยไม่สามารถหาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่า 450,000 บาท ตามที่มีผู้ให้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งที่สอง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดไปในราคาดังกล่าวตามที่เห็นสมควรแล้ว โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296วรรคสอง จำเลยจึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและทำการขายทอดตลาดใหม่ อีกไม่ได้ การที่ผู้ซื้อทรัพย์แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการต่อไปตามสัญญาและบทกฎหมาย มิใช่ข้ออ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ชอบแล้ว.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมตึกแถวของจำเลยโดยประเมินราคาขณะยึด 434,000 บาท และขายทอดตลาดให้แก่ผู้ให้ราคาสูงสุดคือบริษัทโชคเอกชัย จำกัด ในราคา 450,000 บาท
โจทก์ จำเลยและธนาคารกรุงเทพ จำกัด ผู้รับจำนองต่างยื่นคำร้องทำนองเดียวกันว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีเคยขายทอดตลาดที่ดินพร้อมตึกแถวครั้งแรก ผู้รับจำนองให้ราคาสูงสุด 500,000 บาท โจทก์และจำเลยคัดค้านว่าราคาต่ำ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดการขายไว้และขายทอดตลาดครั้งที่ 2 บริษัทโชคเอกชัย จำกัด ให้ราคาสูงสุด 450,000บาท ต่ำกว่าราคาในการขายครั้งแรกถึง 50,000 บาท โจทก์ ผู้รับจำนองและจำเลยคัดค้านว่าราคาต่ำ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติขายไปในราคาดังกล่าว การขายไม่สุจริต และไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อบังคับที่กำหนดว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศเรียกจำเลยเพื่อให้มีโอกาสดูแลการขายและให้ญาติของจำเลยเข้าสู้ราคาได้ ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าว
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดของโจทก์ ผู้รับจำนองและจำเลยเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า การขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งที่ 2 เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุมัติให้ขายทรัพย์ไปในราคาต่ำกว่าราคาสูงสุดที่ผู้รับจำนองเคยเสนอไว้ในการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งแรก และจำเลยไม่ได้เข้าประมูลสู้ราคาเพราะไม่ได้ยินประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี นั้น ปรากฏตามรายงานข้อเท็จจริงในการขายทอดตลาดทรัพย์ ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2531 ของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยโดยประเมินราคาขณะยึด 434,000 บาท ได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2531 มีผู้เข้าสู้ราคา 5 รายผู้รับจำนองให้ราคาสูงสุด 500,000 บาท โจทก์และจำเลยคัดค้านว่าราคาต่ำ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดการขายไว้ และกำชับโจทก์จำเลยให้หาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ในนัดต่อไป มิฉะนั้นจะขายไปในราคาที่เห็นสมควร ต่อมาได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งที่ 2เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2531 ก่อนขายเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อ่านประกาศและวิธีการขายให้ผู้สนใจเข้าฟังการขายทราบ พร้อมทั้งเรียกคู่ความที่เกี่ยวข้องในคดีแล้วคงมีแต่ผู้แทนโจทก์มาดูแลการขายมีผู้เข้าสู้ราคา 2 ราย บริษัทโชคเอกชัย จำกัด โดยนายวิสิฐเกษการุณกุลผู้รับมอบอำนาจให้ราคาสูงสุด 450,000 บาทผู้แทนโจทก์ได้คัดค้านว่าราคาต่ำ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตกลงขายทรัพย์ไปในราคาดังกล่าวดังนี้เห็นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งแรกไว้ตามคำคัดค้านของโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองก็เพื่อให้โอกาสโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองหาคนมาซื้อในราคาที่ต้องการจากนั้นได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งที่ 2 โดยเปิดเผยต่อหน้าคนทั่วไปที่สนใจมาฟังการขายเป็นจำนวนมาก ทั้งได้เรียกคู่ความที่เกี่ยวข้องในคดีแล้ว การที่ผู้แทนโจทก์มาดูแลการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งที่ 2 และคัดค้านว่าราคาต่ำย่อมแสดงว่าผู้แทนโจทก์ได้ยินประกาศขายทอดตลาดทรัพย์และประกาศเรียกคู่ความที่เกี่ยวข้องในคดีอย่างชัดเจน ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าไม่ได้ยินประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงรับฟังไม่ได้เชื่อว่าจำเลยได้ยินประกาศขายทอดตลาดทรัพย์และประกาศเรียกคู่ความที่เกี่ยวข้องในคดีแล้ว แต่จำเลยไม่สามารถหาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่าราคา 450,000 บาท ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กำชับไว้ในนัดก่อน ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปในราคาดังกล่าวตามที่เห็นสมควรแล้ว โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ และทำการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ได้อีก
จำเลยฎีกาข้อต่อไปว่า หลังจากจำเลยยื่นอุทธรณ์แล้ว นายวิสิฐเกศการุณกุล ผู้รับมอบอำนาจบริษัทโชคเอกชัย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ ได้ยื่นคำแถลงลงวันที่ 14 มีนาคม 2532 ขอเงินค่าซื้อที่ดินที่ประมูลได้คืน อันเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องคืนเงินที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้วางไว้และดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ นั้น เห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการต่อไปตามสัญญาและบทกฏหมาย มิใช่ข้ออ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ชอบแล้วแต่อย่างใด
พิพากษายืน.

Share