คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยที่ 1 เพียงแต่ตกลงกันว่า จำเลยที่ 1 ต้องจ่ายเงินให้แก่โจทก์ เมื่อรับเงินค่างวดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยตามจำนวนที่ตกลงกันไว้โดยทันที ถือว่ามิใช่กรณีที่มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยที่ 1 จะตกเป็นผู้ผิดนัดก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ให้คำเตือนแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ให้คำเตือนจำเลยที่ 1 หลังจากจำเลยที่ 1 ได้รับเงินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยแต่ละงวด จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันประมูลงานและชนะประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างทางรถไฟจากการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยตกลงแบ่งหน้าที่กันทำงาน และมีเงื่อนไขว่า จำเลยที่ 1 จะต้องแบ่ค่างานที่ได้รับให้โจทก์ร้อยละ 6.56 ของเงินงวดแต่ละงวดที่จำเลยที่ 1 ได้รับจากการรถไฟฯ ซึ่งมีการทำสัญญากันไว้ และมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่จ่ายเงินให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายรวม 17,458,599.71 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ต่อปี ในต้นเงิน 16,592,594 บาท
จำเลยที่ 1 ให้การว่า สัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่มีผลใช้บังคับ โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม สัญญาที่จำเลยที่ 1ทำไว้กับโจทก์เป็นโมฆะ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด หนี้ตามสัญญาเป็นหนี้ที่ต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอน แต่โจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้จำเลยที่ 1 ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงหลุดพ้นจากความรับผิดขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินจำนวน 14,220,727 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 2มิถุนายน 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ใช้ให้จำเลยที่ 2 ใช้แทน แต่ต้องไม่เกินวงเงินค้ำประกันคำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญา โดยจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกันด้วย และวินิจฉัยเรื่องดอกเบี้ยว่าที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1ต้องจ่ายเงินตามสัญญาให้แก่โจทก์ทันทีเมื่อได้รับเงินค่างวดจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงมีพฤติการณ์ที่สามารถอนุมานได้ว่าจำเลยที่ 1 จะต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์เมื่อใด ต้องคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 รับเงินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยแต่ละงวดมิใช่คิดจากวันที่ 20 มิถุนายน 2526 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้นั้น เห็นว่า ตามสัญญาเพียงกำหนดให้จำเลยที่ 1 ต้องจ่ายเงินให้แก่โจทก์เมื่อรับเงินค่างวดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยตามจำนวนที่ตกลงกันไว้โดยทันที ซึ่งมิใช่กรณีที่ถือว่าได้มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน จำเลยที่ 1 จะตกเป็นผู้ผิดนัดก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ให้คำเตือนแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ให้คำเตือนจำเลยที่ 1 หลังจากจำเลยที่ 1ได้รับเงินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยแต่ละงวด จำเลยที่ 1 จึงต้องจ่ายดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2526 เป็นต้นไป
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่โจทก์.

Share