คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2735/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำเงินมาวางตามคำสั่งศาล ซึ่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ ของโจทก์ระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 และเพื่อเป็นประกันความเสียหายของจำเลย หากโจทก์แพ้คดีซึ่งโจทก์มีสิทธิรับไปจากศาลเมื่อโจทก์ชนะคดีเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์เป็นฝ่ายชนะเงินดังกล่าว จึงเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลที่โจทก์จะต้องขอรับไปในกำหนดห้าปี ตามมาตรา 323 หากล่วงเลยกำหนดห้าปีนับแต่วันคดีถึงที่สุดโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิขอรับคืน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์จำเลยตกลงกันระหว่างพิจารณาให้โจทก์วางเงิน ๔๗,๙๖๐ บาท ต่อศาลโดยจำเลยยอมให้โจทก์รับสินค้าไปจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้เมื่อคดีถึงที่สุดฝ่ายโจทก์ชนะคดียอมให้โจทก์รับเงินคืนไป หากจำเลยชนะคดีโจทก์ยอมให้จำเลยรับเงินจำนวนนี้ไปได้ และปรากฏว่าคดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๑๕ โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินคืนวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๕
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุที่โจทก์นำเงินมาวางต่อศาล เนื่องจากโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยออกใบสั่งปล่อยสินค้าของโจทก์เพื่อให้โจทก์รับสินค้าไปจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย และโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ โดยโจทก์ยอมวางเงินจำนวน ๔๗,๙๖๐ บาท ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นค่าขนส่งสินค้าที่โจทก์ยังคงชำระจำเลยอยู่ แล้วให้ศาลมีคำสั่งปล่อยสินค้าให้โจทก์ ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวน วันนัดไต่สวนโจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์นำเงินวางศาลเป็นเงิน ๔๗,๙๖๐ บาท และจำเลยยอมให้โจทก์รับสินค้าไปจากเจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ เมื่อคดีถึงที่สุดโจทก์ชนะคดีให้โจทก์รับเงินคืนไปได้ หากจำเลยชนะคดีโจทก์ยอมให้จำเลยรับเงินจำนวนนี้ไป ศาลได้มีคำสั่งให้เป็นวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ ตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันโดยให้โจทก์รับสินค้าไปจากเจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ โดยถือว่าจำเลยได้ออกใบสั่งปล่อยสินค้าตามข้อตกลงและให้โจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางศาล เงินที่โจทก์วางไว้ต่อศาลจึงเป็นเงินที่วางตามคำสั่งศาลเกี่ยวด้วยวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ระหว่างการพิจารณา และเป็นประกันความเสียหายของจำเลยหากโจทก์แพ้คดี ซึ่งโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิรับไปจากศาลเมื่อคดีถึงที่สุด เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลที่โจทก์จะต้องขอรับไปในกำหนดห้าปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๒๓ เมื่อเกินกำหนดห้าปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับ
พิพากษายืน

Share