คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญาคู่ความมีสิทธินำพะยานบุคคลมาสืบประกอบเพื่อแสดงว่า เอกสารที่อ้างอิงนั้นไม่ถูกต้องตรงกับความจริงได้
วิ.อาญา ม. 122 มิใช่เป็นบทห้ามเด็ดขาดมิให้พนักงานสอบสวน ๆ ตามหนังสือกล่าวโทษเป็นบัตรสนเทห์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจ่ายเงินของกรมการทหารช่าง ได้บังอาจเรียกและยอมรับเงินที่จำเลยมิควรได้ตามกฎหมายจากนายทหารรวม ๕ คน รวมเป็นเงิน ๘๐๐ บาท เพื่อจำเลยจะอุปการะเบิกและจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงตามหน้าที่ของจำเลยให้แก่นายทหารเหล่านั้นขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลทหารกรุงเทพและศาลทหารกลางพิพากษาต้องกันว่าจำเลยกระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๑๓๗ ที่แก้ไขแล้ว จำคุก ๘ เดือน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า
๑. โจทก์นำสืบพะยานบุคคลหักล้างพะยานเอกสารต้องห้ามวิธีพิจารณาแพ่ง ม. ๙๔ ข.
๒. โจทก์ดำเนินคดีโดยอาศัยมูลเหตุจากบัตรสนเท่ห์ต้องห้ามตามวิธีพิจารณาความอาญา ม. ๑๒๒
๓. ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาข้อแรกนั้น ในคดีอาญาคู่กรณีมีสิทธินำพะยานมาสืบประกอบแสดงข้อเท็จจริงแห่งข้อความในเอกสารนั้นว่าไม่ถูกต้องกับความจริงได้ ฎีกาข้อสองนั้นตามวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๒๒ ไม่ได้ห้ามพนักงานสอบสวนเด็ดขาดในการสอบสวนตามหนังสือกล่าวโทษเป็นบัตรสนเท่ห์ ส่วนฎีกาสุดท้ายเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ศาลทหารกรุงเทพและศาลทหารกลางฟังต้องกันมาไม่ต่างกับฟ้อง จึงพิพากษายืน

Share