คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามมาตรา 161 วรรคสอง แต่บทบัญญัติในมาตรา 149 อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชันที่สุดของคู่ความในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ซึ่งมาตรา 161 วรรคแรกบัญญัติให้ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี และให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงได้ เมื่อโจทก์เป็นผู้นำเจ้าพักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินทั้งสามแปลงของจำเลยโดยสุจริต แต่จำเลยเป็นฝ่ายไม่สุจริตในการบังคับคดีและประวิงการชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลจึงให้จำเลยเป็นผู้รับผิดในค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน444,816.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 มีนาคม 2529) ต้องไม่เกิน 198,979.02 บาทและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ2,500 บาท จำเลยไม่ยอมชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดใช้หนี้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลย3 แปลงโฉนดเลขที่ 16843, 39928 และเลขที่ 39929 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินทั้งสามแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างและในวันขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดให้แยกขายที่ดินทีละแปลง โดยได้ทำการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 16843 เป็นลำดับแรก ปรากฏว่ามีผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน 1,270,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีตกลงขายให้แก่ผู้ให้ราคาสูงสุดนั้น และเห็นว่าจำนวนเงินที่ขายได้นั้นเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาและค่าธรรมเนียมกับค่าใช้จ่ายในชั้นบังคับคดีแล้ว จึงให้งดขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 39928และเลขที่ 39929 และมีคำสั่งให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย
โจทก์ยื่นคำร้องว่า คำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ที่มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมดังกล่าวคือจำเลยไม่ใช่โจทก์ โจทก์นำยึดที่ดินทั้งสามแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยโดยสุจริตตามความจำเป็น มิได้กลั่นแกล้งจำเลย จำเลยกับพวกร่วมกันประมูลซื้อที่ดินในราคาสูงเกินกว่าราคาท้องตลาดโดยไม่สุจริตเพื่อไม่ให้มีการขายที่ดินอีกสองแปลงที่ยึด หากการขายเป็นไปตามปกติและโดยสุจริตแล้ว ที่ดินทั้งสามแปลงต้องขายไปทั้งหมดจึงจะพอแก่การชำระหนี้ของโจทก์ได้จำเลยต้องเป็นฝ่ายรับผิดเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี และให้จำเลยเป็นฝ่ายเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายตลอดจนค่าใช้จ่ายในชั้นบังคับคดีด้วย
จำเลยยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยเกินกว่าหนี้เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและกลั่นแกล้งจำเลย โจทก์ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์หรือจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขาย ตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 ค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ให้คู่ความผู้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น ๆ เป็นผู้ชำระ แม้โจทก์เป็นผู้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินทั้งสามแปลงของจำเลย ซึ่งถือได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่น และเมื่อขายทอดตลาดที่ดินที่ยึดเพียงแปลงเดียวได้เงินเพียงพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ทำให้ไม่ต้องขายทอดตลาดที่ดินที่ยึดอีกสองแปลง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ถอนการยึดแล้ว โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ข้อ 3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตามบทมาตราดังกล่าวก็ตาม แต่บทบัญญัติมาตรา 149 ก็อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดชั้นที่สุดของคู่ความในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมและมาตรา 161 วรรคแรกบัญญัติให้ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี และวรรคสองบัญญัติว่าถ้ามิได้ระบุค่าฤชาธรรมเนียมชนิดใดไว้โดยเฉพาะ ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วย คดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายที่แพ้คดี ซึ่งต้องรับผิดที่ชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่จำเลย แต่อย่างไรก็ตามบทบัญญัติมาตรา 161 วรรคแรกให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงได้ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายดำเนินการบังคับคดีโดยเป็นผู้นำยึดที่ดินของจำเลยอีกสองแปลงแล้วไม่มีการขาย โจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยไม่ต้องคำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริตและเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่ กรณีไม่ใช่เรื่องความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดี ซึ่งศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ได้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาโจทก์ไป
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16843, 39928 และเลขที่ 39929พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินราคาที่ดินเป็นเงิน 50,800 บาท 71,800 บาท และ 3,792,000 บาทกับสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 1,500,000 บาท ตามลำดับและปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 16843ได้เงิน 1,270,000 บาท เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาและค่าธรรมเนียมตลอดจนค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 39928 และเลขที่39929 พร้อมสิ่งปลูกสร้างและถอนการยึดแล้ว เห็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ๆ 16843 ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดไปนั้นปรากฏว่ามีสภาพเป็นลำรางตื้นเขิน มีระดับต่ำกว่าระดับถนนประมาณ50-70 เซนติเมตร มีหญ้าและวัชพืชขึ้นเต็มทั้งแปลง นายชวลิต ผูกพันพนักงานโจทก์ผู้นำยึดเบิกความว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ด้านในสุดของที่ดินอีกสองแปลงที่ยึด ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ต้องเดินผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 39928 ซึ่งมีสภาพเป็นถนนลูกรังของที่ดินโฉนดเลขที่ 39929 ที่จำเลยกำลังก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16843 และเลขที่ 39928 แล้วพยานเห็นว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ยังไม่คุ้มหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ ซึ่งมียอดหนี้รวมในขณะนั้นประมาณ 1,100,000บาท พยานจึงนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 39929 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างด้วย นายอนุชิต เสียงใหญ่ เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ประจำศาลจังหวัดสมุทรสาครพยานโจทก์เบิกความว่า ในการประเมินราคาที่ดินที่ยึดได้ใช้ราคาประเมินของสำนักงานที่ดินประกอบกับสภาพที่ดินซึ่งเป็นราคาอันสมควร แม้ในชั้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่าโจทก์ยึดทรัพย์เกินความจำเป็น นายศรีชัย กาญจน์เดชารัตน์ หัวหน้าฝ่ายทะเบียนสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครพยานจำเลย ซึ่งโจทก์ได้อ้างมาเป็นพยานในชั้นนี้ด้วย ก็ไม่อาจยืนยันราคาประเมินหรือราคาที่แท้จริงได้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ราคาประเมินที่ดินทั้งสามแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้นน่าจะเหมาะสมกับสภาพทรัพย์ที่ยึด เมื่อที่ดินที่ยึดสองแปลงมีสภาพเป็นลำรางและถนนลูกรัง ซึ่งไม่เหมาะแก่การใช้ประโยชน์เช่นตามปกติ โดยสภาพอาจไม่มีผู้ใดสนใจเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาด ประกอบกับมีราคาประเมินต่ำกว่าหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์อยู่อีกมาก การที่โจทก์นำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 39929 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง แม้จะมีราคาประเมินรวมกันประมาณ 5,200,000 บาท แต่ก็ติดจำนองแก่ธนาคารกสิกรไทย ประมาณ 4,000,000 บาท เมื่อหักชำระหนี้จำนองแล้วคงเหลือเงินที่อาจชำระหนี้แก่โจทก์ได้ประมาณ 1,200,000 บาทเมื่อรวมกับราคาที่ดินที่ยึดอีกสองแปลงดังกล่าวจึงนับได้ว่าใกล้เคียงกับหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าโจทก์สุจริตใจในการดำเนินการบังคับคดีเอาแก่จำเลย ตรงกันข้ามคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตั้งแต่ปี 2529แต่จำเลยกลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานกว่า 6 ปี โดยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์เลย จนกระทั่งโจทก์ได้นำยึดที่ดินทั้งสามแปลงและขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2535 ทั้งได้ความจากนายชวลิตพยานโจทก์ว่า จำเลยกลับเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดด้วยและนายอนุชิตเจ้าพนักงานบังคับคดีเบิกความว่า จำเลยแถลงว่าจะมอบโฉนดที่ดินที่ขายให้เจ้าพนักงานบังคับคดี หากมาไม่ได้จะฝากนายวิชัยผู้ซื้อที่ดินได้ แสดงว่าผู้ซื้อที่ดินกับจำเลยต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี มิฉะนั้นจำเลยคงไม่ไว้วางใจยอมฝากโฉนดที่ดินให้ไป แทนที่จำเลยจะมอบให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยตรงส่อแสดงว่าผู้ซื้อที่ดินได้น่าจะเป็นพวกของจำเลยเสียเอง จึงยอมสู้ราคาซื้อทรัพย์ไปในราคาที่สูงกว่าราคาปกติอย่างมาก พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่สุจริตในการบังคับคดีและประวิงการชำระหนี้แก่โจทก์ คดีมีเหตุผลสมควรให้จำเลยเป็นผู้รับผิดในค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขาย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้จำเลยเป็นฝ่ายรับผิดเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขาย

Share