คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้กำลังเข้ายื้อแย่งเอาเงินจากผู้เสียหายโดยจำเลยที่1ใช้สังกะสีปลายแหลมคล้ายมีดที่พกติดตัวไปขู่จะแทงเจ้าทรัพย์การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการปล้นทรัพย์โดยผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วยตามป.อ.มาตรา340วรรคสอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกมีสังกะสีปลายแหลมคล้ายมีดจำนวน 1 อันเป็นอาวุธ ร่วมกันปล้น เอาเงินจำนวน 5 บาทของเด็กชายอนทวัฒน์ พงษ์พัฒน์ เงินจำนวน 2 บาทของเด็กชายต่ำ ตรัน และปล้นเอาเครื่องเล่นเกมส์ไฟฟ้า ราคา 300 บาทของเด็กชายยอดชาย เหงียนวันผู้เสียหายทั้งสามคนไปโดยทุจริต
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วกลับถอนคำให้การแล้วให้การใหม่ รับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 มาตรา 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 จำเลยที่ 1 อายุ17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปีลดโทษให้จำเลยทั้งสองหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปีริบสังกะสีหลายแหลมของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ลงกึ่งหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี ลดโทษจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา แต่ศาลำีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1ยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยทั้งสองกับนายเอกวัฒน์ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับผู้เสียหายทั้งสามมาก่อน การที่จำเลยทั้งสองมีอาการมึนเมาสุรา และได้เงินไปแม้เพียงจำนวน 7 บาท โดยการจับคอเสื้อและรัดคอ เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ทั้งจำเลยที่ 1 ใช้สังกะสีลักษณะคล้ายมีดเป็นอาวุธขู่จะแทงเด็กชายยอดชายเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์และเพื่อพาเอาทรัพย์นั้นไปย่อมเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว และเมื่อปรากฏว่า สังกะสีลักษณะคล้ายมีดมีปลายแหลมยาว 1 ฟุตกว้าง 2 นิ้วนั้น จำเลยที่ 1 ได้พกติดตัวไปก่อนลดมือกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดอาวุธติดตัวไปด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคสอง จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน”.

Share