คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถบรรทุกถอยหลังดันเหล็กท่อน้ำซึ่งปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้าที่วางขวางอยู่บนรถบรรทุกอีกคันหนึ่ง ส่วนปลายเหล็กท่อน้ำอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถที่จำเลยขับโดยผู้ตายเป็นผู้จับเหล็กท่อน้ำไว้ ขณะถอยรถเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้า รถที่จำเลยขับจึงทับผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้แม้ว่าผู้ตายเป็นผู้สั่งให้จำเลยถอยรถ จำเลยก็จะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ การนำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งโดยวิธีให้จำเลยขับรถบรรทุกถอยหลังดันเหล็กท่อน้ำเพื่อให้เหล็กท่อน้ำดันขดลวดสายไฟฟ้าให้เคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตาย กระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 จำคุก 1 ปี 6 เดือน คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันเวลาเกิดเหตุ ห้างหุ้นส่วนจำกัดภูเก็ตแหลมทองขนส่งได้สั่งให้จำเลยกับนายสมหมาย เดชากุล ขับรถยนต์บรรทุกขดลวดสายไฟฟ้าจำนวน2 คัน ไปส่งที่โรงแรมเฟิร์ลวิลเล็จ นายวิมล แสวงวิทย์ ผู้ตายซึ่งมีหน้าที่ขนของลงจากรถไปกับจำเลยด้วย เมื่อรถทั้งสองคันไปถึงโรงแรม ผู้ตายต้องการให้ขดลวดสายไฟฟ้าที่วางขวางอยู่บนรถหันไปตามความยาวของรถเพื่อสะดวกในการขนลง จึงสั่งให้จำเลยจอดรถโดยหันท้ายรถเข้าหาท้ายรถที่นายสมหมายขับให้ห่างกันประมาณ 1 เมตรหลังจากนั้นผู้ตายใช้เหล็กท่อน้ำยันขดลวดสายไฟฟ้าที่วางขวางอยู่บนรถที่นายสมหมายขับส่วนอีกด้านหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถที่จำเลยขับผู้ตายจับเหล็กท่อน้ำไว้แล้วสั่งให้จำเลยถอยรถตามที่ผู้ตายบอกขณะถอนรถเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้า รถที่จำเลยถอยจึงทับผู้ตายถึงแก่ความตาย ข้อที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่ขับรถจำเลยจึงต้องมีความระมัดระวังซึ่งคนขับรถในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แม้ว่าผู้ตายซึ่งมีหน้าที่นำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถจะเป็นผู้ออกคำสั่งให้จำเลยถอยรถก็ตาม จำเลยจะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ จะเห็นได้ว่า การเอาขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุก โดยวิธีใช้เหล็กท่อน้ำให้ปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้าและปลายอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับผู้ตายจับเหล็กท่อน้ำไว้ระหว่างกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกทั้งสองคันแล้วให้จำเลยเดินเครื่องยนต์ถอยรถเพื่อให้แรงของรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับถอยหลังนี้ดันเหล็กท่อน้ำ เพื่อเหล็กท่อน้ำจะได้ดันให้ขดลวดสายไฟฟ้าเคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตายแล้ว กระบะท้ายรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกที่นายสมหมาย เดชากุล ขับ เพราะไม่มีอะไรกั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่จำเลยขับถอยหลังนั้น จำเลยมองไม่เห็นกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกทั้งสองคันเพราะขดลวดสายไฟฟ้าที่บรรทุกอยู่บนรถยนต์ที่จำเลยขับบังอยู่ จำเลยไม่มีโอกาสจะเห็นว่าเหล็กท่อน้ำซึ่งกั้นระหว่างผู้ตายกับกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกทั้งสองคันยังยันอยู่หรือไม่ การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้อง”
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท และตามพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการทำงานร่วมกันของผู้ตายกับจำเลย และผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วย ประกอบกับได้มีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่มารดาของผู้ตายจนเป็นที่พอใจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว โทษจำคุกให้รอการลงโทษ2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Share