แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่มีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพมิได้นำพะยานเข้าสืบต่อสู้แต่ประการใดก็ตาม แต่ถ้าปรากฎต่อศาลว่ามีพฤติการณ์ที่เป็นคุณแก่จำเลยอยู่ ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพทางพิจารณาได้ความว่าเรือนจำเลยและนายเจิมผู้ตายอยู่ห่างกันราว ๑๐ เส้น วันเกิดเหตุจำเลยพากระบือไปเลี้ยง ระหว่างทางพบนายเจิมผู้ตาย นายเจิมต่อว่าจำเลยเรื่องสุกรจำเลยไปกินข้าวในนาของนายเจิม จำเลยตอบนายเจิม ๆ โกรธฉวยไม้จะทำร้ายจำเลย จำเลยหนีเสียทัน ต่อมาตอนพลลค่ำนายเจิมผู้ตายได้ถือมีดผลักประตูเรือนจำเลยเข้าาแล้วพูดว่าจะฆ่าจำเลยเสีย จำเลยฉวยมีดชนิดปากตาลมาถือไว้ นายเจิมผู้ตายเข้าแทงจำเลย ๆ เอามือซ้ายรับ มีดบาดเอาง่ามนิ้วมือ จำเลยเอามือซ้ายฟาดคอผู้ตายโดยแรง ผู้ตายล้มหงายลงมีดหลุดจากมือ จำเลยขึ้นคร่อมใช้มีดแทงผู้ตาย รวม ๑๓ แผล เป็นแผลสาหัส ถึงตาย ๒ แผล แล้วจำเลยก็ไปมอบตัวกับผู้ใหญ่บ้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๔๙,๕๙ จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๔๙,๕๓,๕๙ จำคุก ๓ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษอย่างสูงเกิน ๑๐ ปี แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลก็รับฟ้องพะยานโจทก์จนเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง หากปรากฎว่าจำเลยมิได้กระทำผิดศาลก็ยังพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ ฉะนั้นพฤติการณ์ใดที่เป็นคุณแก่จำเลย เช่นเรื่องป้องกันตัวนี้ศาลก็ย่อมมีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยจำเลยหาจำเป็นต้องต่อสู้หรือนำพะยานเข้าสือไม่ ฎีกาโจทก์ในเหตุนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนข้อเท็จจริงเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมาชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน