แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ดอกเบี้ยค้างชำระตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม ให้นับ 13 วัน (คือไม่นับวันที่ 29 มิถุนายน แต่นับวันที่ 12 กรกฎาคม รวมด้วย) ฎีกาอุทธรณ์ปัญหากฎหมาย+ที่ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพะยานหลักฐานในสำนวนหรือไม่เป็นปัญหากฏหมาย
ย่อยาว
ได้ความว่าเมื่อวันที่ ๒๙/๒/๗๓ จำเลยได้ทำสัญญาจำนองที่ดินให้โจทก์แปลงหนึ่งเป็นเงิน ๙๐๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยแลค่าคอมมิชชั่นร้อยละ ๑๐ ต่อปี จำเลยผิดนัดขาดส่งดอกเบี้ย โจทก์จึงยื่นฟ้องเมื่อวันที่ ๑๒/๑/๗๗ เรียกต้นเงิน ๙๐๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยที่-ค้างตั้งแต่วันที่ ๒๙/๓/๗๖ จนถึงวันที่ ๒๙/๑๒/๗๖ หักจากที่ชำระไว้แล้วคงเป็นเงิน ๗๑๕๖ บาท ๘๑ สตางค์ ต่อมาวันที่ ๑๒/๔/๗๗ จำเลยได้โอนที่ดินรายจำนองนี้ให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระต้นเงิน
ศาลเดิมพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ดังนี้ คือ-ดอกเบี้ยซึ่งค้างชำระตามโจทก์ฟ้อง ๗๑๕๖ บาท ๘๑ สตางค์ แต่ให้หักดอกเบี้ยซ่อนดอกเบี้ย ๑๑๕๖ บาท ๒๔ สตางค์ ค่าเช่าที่บ้าน ๑๖๓ บาท ๖๑ สตางค์ ที่โจทก์เก็บได้ภายหลังที่เข้าครอบครองทรัพย์ที่จำนองกับเบี้ยประกัยภัยที่ได้ชำระไปภายหลังโอนที่ดินที่จำนอง ๔๗๗ บาท ๘ สตางค์ คงเหลือเงิน ๕๓๕๙ บาท ๘๘ สตางค์ กับให้ใช้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๐ ในต้นเงิน ๙๐๐๐๐ บาทตั้งแต่วันที่ ๒๙/๑๒/๗๖ จนถึงวันที่ ๑๒/๔/๗๗
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ดอกเบี้ยที่ศาลล่างใช้ให้โจทก์นั้นนอกเหนือหลักฐานที่คู่ความทั้ง ๒ ฝ่ายรับว่าถูกต้อง คือตามบัญชีที่ยื่นต่อศาล
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาที่จำเลยอ้างว่าคำวินิจฉัยของศาลล่างนั้นอาศัยพะยานหลักฐานในท้องสำนวนหรือหาไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แลวินิจฉัยว่าดอกเบี้ยอันแท้จริงที่จำเลยค้างชำระ คือ ๑.ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ ๒๙/๓/๗๖ ถึงวันที่ ๒๙/๔/๗๖ หักที่จำเลยชำระให้แล้ว คงเป็นเงิน ๑๘๖ บาท ๓๖ สตางค์ ๒.ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ ๒๙/๔/๗๖ ถึง ๒๙/๑๒/๗๖ รวมเป็นเงิน ๖๑๘๖ บาท ๓๖ สตางค์ แลในจำนวนเงินนี้ให้เพิ่มดอกเบี้ยที่ค้างชำระในต้นเงิน ๙๐๐๐๐ บาทตั้งแต่ ๒๙/๑๒/๗๖ ถึง ๑๒/๔/๗๗ กล่าวคือที่ศาลล่างชี้ขาดไว้ คือ ตั้งแต่ ๒๙/๑๒/๗๖ ถึง ๒๙/๓/๗๗ เป็นเงิน ๒๒๕๐ บาท แลตั้งแต่วันที่ ๒๙/๓/๗๗ พึง ๑๒/๔/๗๗ รวม ๑๓ วัน เป็นเงิน ๓๒๕ บาท รวม ๒๕๗๕ บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๘๗๖๑ บาท ๓๖ สตางค์ แลในเงินจำนวนนี้ให้หักค่าดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย ค่าเช่าที่เก็บได้แลค่าประกันภัยตามที่ศาลล่างชี้ขาดไว้ รวมเป็นเงิน ๑๗๙๖ บาท ๙๓ สตางค์ คงเหลือ ๖๙๖๔ บาท ๔๓ สตางค์ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระให้โจทก์ ๖๙๖๔ บาท ๔๓ สตางค์นอกนั้น พิพากษายืนตามศาลล่าง