แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขุดคูเพื่อชักน้ำจากคลองใช้ทำสวน โจทก์ทำสวนในที่ดินแม่ยายและได้ขุดคูชักน้ำใช้ทำสวนต่อจากคูที่จำเลยขุดไว้ แล้วโจทก์ถือวิสาสะใช้เรือยนต์บรรทุกอุปกรณ์ในการทำสวนมีเครื่องสูบน้ำเป็นต้นผ่านคูที่จำเลยขุดเข้าไปในที่ดินที่โจทก์ทำสวนโดยไม่ขออนุญาตจากจำเลย ในหน้าน้ำจำเลยปักไม้ไผ่ขวางคูนั้นเป็นป้องกันคนร้ายนำเรือยนต์ผ่านคูที่จำเลยขุดมาขโมยผลไม้ในสวนของ จำเลย โจทก์นำเรือยนต์บรรทุกเครื่องยนต์เข้าไปสูบน้ำที่ท่วมในสวนของโจทก์ไม่ได้ ทำให้สวนของโจทก์ถูกน้ำท่วมเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิในทรัพย์สินของจำเลยไม่ได้มีเจตนา กลั่นแกล้งจึงไม่เป็นการละเมิด และไม่ใช่กรณีที่จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตในอสังหาริมทรัพย์ทำให้โจทก์เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ มีที่ดินติดต่อกับที่ดินที่จำเลยที่ ๓ ครอบครองทางด้านตะวันออก ตรงเขตติดต่อกันนี้มีคูน้ำไปจนสุดเขตที่ดินและจดที่ดินของแม่ยายโจทก์ แม่ยายโจทก์ได้ขุดคูต่อผ่านที่ดินของตนเพื่อประโยชน์ในการทำสวนและได้ตกลงกันด้วยวาจาว่าใช้คูนี้เป็นทางระบาย น้ำร่วมกันในเดือนมีนาคม ๒๕๑๖ โจทก์ทำสวนดอกไม้เยียเบอร่าในที่ดินของแม่ยายเต็มเนื้อที่ ๖ ไร่ ต่อมาเดือนมิถุนายน ๒๕๑๗ จำเลยทั้งสามร่วมกันนำไม้มาปักปิดกั้นคูไม่ยอมให้โจทก์นำเรือผ่านโดยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดย จำเลยทราบดีแล้วว่า ถ้าฝนตกมากน้ำจะท่วมสวน หรือฝนไม่ตกนานน้ำในสวนแห้งโจทก์จำต้องนำเครื่องสูบน้ำบรรทุกเรือเข้าไปสูบน้ำเข้าออกในเดือนตุลาคม ๒๕๑๗ ฝนตกมากน้ำท่วมสวนโจทก์ จำเลยไม่ยอมให้โจทก์นำเรือบรรทุกเครื่องสูบน้ำผ่านคู ต้นไม้ของโจทก์ตายหมดเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายจึงขอให้จำเลยทั้งสามให้เบิกคูให้โจทก์ใช้และร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันขุดคูเพื่อใช้น้ำในการทำสวน ขุดเสร็จในปลายปี ๒๕๑๕ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๖ โจทก์ขุดคูต่อเข้าที่ดินของแม่ยายโจทก์เพื่อประโยชน์ในการทำสวนของโจทก์ จำเลยไม่เคยยอมให้ผู้ใดนำเรือผ่านเว้นแต่จำเลยที่ ๓ ยอมให้โจทก์ใช้เรือพายผ่านได้ คนร้ายใช้เรือยนต์เข้ามาลักเอาพืชผลของจำเลยอยู่เสมอ จึงได้เอาไม้ปักเป็นระยะห่าง ๑ คืบ ครึ่งคู เรือพายที่ใช้ในท้องถิ่นผ่านเข้าออกได้จำเลยไม่มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนไม้ที่ปักโจทก์ปล่อยปละละเลยไม่จัดการตบแต่งคันดิน น้ำจึงท่วมเป็นความผิดของโจทก์เองจำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามครอบครองที่ดินอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินแม่ยายโจทก์ที่โจทก์ครอบครองทำสวนดอกเยียเบอร่าระหว่างที่ดิน ของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งอยู่ติดต่อกัน จำเลยได้ขุดคูพิพาทเพื่อชักน้ำจากคลองบางนาที่อยู่ทางทิศใต้ที่ดินจำเลยที่ ๓ ใช้ทำสวน คูกว้าง ๑ วา ลึก ๒ ศอก ขุดเมื่อประมาณปี ๒๕๑๔ – ๒๕๑๕ ต่อมาโจทก์ได้เข้าทำสวนในที่ดินที่อยู่เหนือที่ดินจำเลยและเมื่อปี ๒๕๑๖ โจทก์ได้ขุดคูชักน้ำใช้ทำสวนต่อจากคูที่จำเลยขุดไว้แล้วโจทก์ถือวิสาสะใช้เรือยนต์บรรทุกอุปกรณ์ในการทำสวนมีเครื่องสูบน้ำเป็นต้น ผ่านคูที่จำเลยขุดเข้าไปในที่ดินที่โจทก์ทำสวนโดยไม่ขออนุญาต ในหน้าน้ำปี พ.ศ.๒๕๑๗ จำเลยได้ปักไม้ไผ่ขวางคูนั้นเพื่อป้องกันคนร้ายนำเรือยนต์ผ่านคูที่จำเลยขุดมาขโมยผลไม้ในสวนของจำเลย โจทก์นำเรือยนต์บรรทุกเครื่องยนต์เข้าไปสูบน้ำที่ท่วมในสวนดอกไม้ของโจทก์ไม่ได้ทำให้ไม้ดอกเยียเบอร่าของโจทก์ ตายเพราะน้ำท่วมนั้นเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิในทรัพย์สินของจำเลย ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ และไม่ใช่กรณีที่จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตในอสังหาริมทรัพย์ ทำให้โจทก์เสียหายตามฎีกาโจทก์ไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน