แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ยึดแร่ดีบุกกับหนังสือกำกับแร่เคลื่อนที่ของบริษัทเหมืองแร่ฯ แล้วข่มขืนใจให้ผู้จัดการเหมืองมอบเงินให้จำเลย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 เท่านั้น จำเลยไม่มีหน้าที่จับแร่ที่เขาขนมาโดยชอบ การที่จำเลยจับแร่ที่ขนมาจึงไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ หากแต่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบที่จำเลยมีอยู่ในการจับ กรณีจึงไม่ต้องด้วยองค์ประกอบอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดอาญา เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2508 เวลากลางวัน จำเลยแกล้งจับกุมหน่วงเหนี่ยวอายัดแร่และยึดใบอนุญาตขนแร่ของบริษัทสยามอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จำกัดไว้โดยมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่ไม่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานไม่ดำเนินการสอบสวนและสั่งนายเคี้ยงหรือบุญเรือง ตันตระกูลผู้ควบคุมดูแลรักษาแร่ดีบุกดังกล่าว ไม่ให้ขนย้ายแร่ดีบุกโดยไม่มีกำหนดเวลา อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งมิชอบ ปฏิบัติหน้าที่ทุจริต ต่อมาวันที่ 24 เดือนเดียวกัน จำเลยได้บังอาจข่มขืนใจนายยงค์หรือเจ็ง พันธ์เจียรแสง ให้มอบเงิน 4,000 บาท แก่จำเลยมิฉะนั้นจำเลยจะไม่ปล่อยหรือคืนแร่และใบอนุญาตที่ยึดไว้ อันจะเป็นเหตุให้ขนแร่นั้นไปยังจังหวัดพระนครไม่ทันตามกำหนดในใบอนุญาตนายยงค์หรือเจ็งจึงยอมมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้จำเลย ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบและทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ. 2502 มาตรา 4, 13
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยไม่ได้ตั้งใจจับกุมแร่รายนี้จริงจังแต่จำเลยเรียกและรับเงินตามฟ้องจากผู้เสียหาย พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 13 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 148 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 5 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทสยามอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จำกัด ได้รับอนุญาตให้นำแร่ดีบุก 200 กระสอบออกจากเหมืองแร่ที่อำเภอเวียงป่าเป้าส่งไปจังหวัดพระนคร โดยได้เสียค่าภาคหลวง และเจ้าหน้าที่ได้ออกใบอนุญาตขนแร่และหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ให้โดยถูกต้อง เมื่อทางเหมืองขนแร่ที่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายได้แล้วทยอยไปฝากไว้ที่ร้านนายเคี้ยงหรือบุญเรืองที่อำเภอแม่สรวยก่อนส่งต่อมายังจังหวัดพระนคร จำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สรวยได้แกล้งยึดแร่กับหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ไว้จากนายเคี้ยงหรือบุญเรืองเพื่อเรียกร้องเอาเงิน ครั้นจำเลยได้รับเงิน 4,000 บาท จากนายยงหรือเจ็งแล้ว จึงได้ปล่อยแร่ และคืนหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ให้เป็นการมิชอบ
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบยึดแร่ดีบุกกับหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ของบริษัทสยามอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จำกัด ซึ่งฝากนายเคี้ยงหรือบุญเรืองไว้ไปจากนายเคี้ยงหรือบุญเรือง แล้วข่มขืนใจให้นายยงหรือเจ็งผู้จัดการเหมืองแร่ของบริษัทสยามอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จำกัด มอบเงินให้จำเลย 4,000 บาท เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148เท่านั้น จำเลยไม่มีหน้าที่จับแร่ที่เขาขนมาโดยชอบ การจับแร่ดังกล่าวของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ หากแต่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบที่จำเลยมีอยู่ในการจับ กรณีไม่ต้องด้วยองค์ประกอบอันจะเป็นความผิดตามมาตรา 157 ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 157 ด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์