แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เฮโรอีนของกลางมีถึง 21 กรัมเศษ แบ่งใส่หลอดถึง 25 หลอดแยกไว้เป็น 5 ห่อ ห่อละ 5 หลอด เห็นได้ว่าทำไว้เพื่อความสะดวกแก่การจำหน่าย ไม่ปรากฏว่าจำเลยเสพเฮโรอีนเหล่านั้นเองจำเลยจึงมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 14, 20 ทวิ, 20 ตรี, 29 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4,7, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี ให้คืนธนบัตรฉบับราคา 100 บาทแก่เจ้าหน้าที่ที่ให้สายลับล่อซื้อ ของกลางอื่นให้ริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดกระทงเดียวตามมาตรา 20 ทวิ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 จำคุก 5 ปี โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเฮโรอีน 25 หลอด อยู่ในห้องของจำเลย และมีจำเลยอยู่ในห้องแต่เพียงผู้เดียว ศาลอุทธรณ์ฟังว่า เฮโรอีนดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยเพื่อจำหน่าย เป็นการสรุปโดยไม่มีเหตุผลขาดซึ่งพยานหลักฐานยืนยันสนับสนุน ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้วว่า ที่จำเลยพยายามนำสืบว่า เฮโรอีนดังกล่าวเป็นของนายฮี้นำฝากนายไพรัชบุตรชายของจำเลยไว้ ขัดต่อเหตุผลไม่มีน้ำหนัก ข้อนำสืบอื่น ๆ ก็สับสนขัดต่อเหตุผลและไม่มีน้ำหนักเช่นกัน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีน 25 หลอดไว้ในครอบครองเฮโรอีนของกลางมีถึง 21 กรัมเศษ แบ่งใส่หลอดถึง 25 หลอด แยกไว้เป็น 5 ห่อ ห่อละ 5 หลอด เห็นได้ว่าทำไว้เพื่อความสะดวกแก่การจำหน่ายเฮโรอีนของกลางมีจำนวนไม่น้อย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเสพเฮโรอีนเหล่านั้นเอง จึงรับฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายย่อมถือว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยตามเหตุผลและหลักฐานพฤติการณ์ของจำเลยที่ปรากฏมีอยู่ในสำนวนแล้ว หาใช่ไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนสนับสนุนดังจำเลยฎีกาไม่”
พิพากษายืน