คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความว่าจำเลยมีหนี้ต้องใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ และโจทก์ก็ได้สั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย ล.1 ชำระหนี้อีกรายหนึ่งแก่จำเลยซึ่งธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว เมื่อปรากฏว่าในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบโต้เถียงว่า โจทก์กับจำเลยได้หักทอนบัญชีกันแล้ว จำเลยยังคงเป็นลูกหนี้โจทก์อีกเป็นจำนวนหนึ่ง ดังนี้ เป็นการต่อสู้ว่าหนี้ที่โจทก์ต้องใช้เงินแก่จำเลยตามเช็ค เอกสารหมาย ล.1 ระงับไปแล้วด้วยการหักกลลบหนี้และโจทก์ไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่จำเลยอีกถือได้ว่าสิทธิเรียกร้องที่จำเลยนำมาขอหักกลบลบหนี้ยังมีข้อต่อสู้อยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 จำเลยจึงจะนำสิทธิเรียกร้องตามเช็คเอกสารหมาย ล.1 มาขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ จำนวนเงิน ๒๓,๕๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังเช็คดังกล่าว เพื่อเป็นการชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าไปจากโจทก์ โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามกำหนด แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดใช้เงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๗ ถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑,๖๑๕.๕๐ บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๒๕,๑๑๕.๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๒๓,๕๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ จำเลยที่ ๒ เคยติดต่อซื้อขายเพชรพลอยต่างๆ โจทก์เป็นหนี้ค้างชำระค่าของจำเลยที่ ๒ เป็นเงิน ๖๒,๘๘๓ บาท และเคยนำเช็คมาแลกเงินจากจำเลยที่ ๒ เป็นเงิน ๓๐,๓๐๐ บาท แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ทั้งจำเลยที่ ๒ ได้วางเงินมัดจำเพื่อเช่าตึกแถวที่โจทก์สร้างที่จังหวัดอ่างทองเป็นเงิน ๙,๓๘๐ บาท แล้วโจทก์ผิดสัญญาสร้างไม่เสร็จ เช็คตามฟ้องจำเลยที่ ๒ ยืมจากจำเลยที่ ๑ เพื่อประกันหนี้ โจทก์กับจำเลยที่ ๒ ต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระซึ่งกันและกัน จำเลยที่ ๒ เคยให้โจทก์เกิดบัญชีหนี้สินเพื่อหักกลบลบหนี้ รวมทั้งหนี้ที่โจทก์ฟ้องนี้ด้วย เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นหนี้ที่จะต้องชำระให้จำเลยที่ ๒ อีกประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท หนี้ตามฟ้องเป็นอันระงับไปแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๒๓,๕๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑,๖๑๕.๕๐ บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ดอกเบี้ยในอัตราและจากเงินต้นดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๕,๑๑๕,๕๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้น
โจทก์ฎีกาว่า หนี้ตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ ได้มีการคิดหักกลบลบหนี้กันไปแล้ว โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นหนี้ที่แท้จริง จึงเป็นหนี้ที่ไม่แน่นอน จะนำมาหักกลบลบหนี้มิได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้ต้องใช้เงินตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.๑ ตามฟ้องแก่โจทก์และโจทก์ก็ได้สั่งจ่ายเช็คตามเอกสารหมาย ล.๑ จำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ชำระหนี้ค่าซื้อพลอยแก่จำเลยที่ ๒ ซึ่ง-ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว มีปัญหาในชั้นนี้ว่าจะนำจำนวนเงินตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่โจทก์ฟ้องได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบโต้เถียงอยู่ว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๒ ได้หักทอนบัญชีกันแล้ว จำเลยที่ ๒ ยังคงเป็นลูกหนี้โจทก์อีกเป็นเงินประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็นการต่อสู้ว่าหนี้ที่โจทก์ต้องใช้เงินแก่จำเลยที่ ๒ ตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ ระงับไปแล้วด้วยการหักกลบลบหนี้โจทก์ไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่จำเลยที่ ๒ อีก ถือได้ว่าสิทธิเรียกร้องที่จำเลยนำมาขอหักกลบลบหนี้ยังมีข้อต่อสู้อยู่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔ บัญญัติว่า”สิทธิเรียกร้องใดยังมีข้อต่อสู้อยู่สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าหาอาจจะเอามาหักกลบลบหนี้ได้ไม่ ฯลฯ” ฉะนั้น จำเลยจึงจะนำสิทธิเรียกร้องตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ มาขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ไม่ได้ และไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ ระงับไปด้วยการหักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ แล้วหรือไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย ล.๑ ยังไม่มีการหักกลบลบหนี้จำเลยมีสิทธิที่จะนำมาหักกลบลบหนี้ตามฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share