คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อัยการร้องขอต่อศาลว่ามีผู้นำจับจำเลย ประสงค์ขอรับเงินสินบนนำจับ โดยอ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับมาท้ายฟ้องแล้ว แม้จะใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนไปว่า ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย ก็ไม่ทำให้คำขอเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนนำจับเสียไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีไม้หวงห้ามยังไม่ได้แปรรูป ทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 69, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 12, 17, 18 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19, 28 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง และให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมายด้วย

จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามฟ้อง ลงโทษฐานมีไม้หวงห้ามยังไม่ได้แปรรูป จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตปรับคนละ 800 บาท ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 800บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือนปรับคนละ 400 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ส่วนคำขอให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับนั้น มาตรา 74 ทวิไม่ได้กำหนดให้จำเลยเป็นผู้จ่ายสินบน จึงให้ยก ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้สั่งจ่ายสินบนนำจับด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 จัตวา วรรคแรก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2518 มาตรา 28 บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีผู้นำจับ ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล และให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเงินไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับตามคำพิพากษาโดยจ่ายจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาลถ้าผู้กระทำความผิดไม่ชำระเงินค่าปรับ หรือชำระไม่ถึงจำนวนที่จะต้องจ่ายค่าสินบนนำจับได้ครบถ้วน ก็ให้จ่ายเงินสินบนนำจับที่ยังต้องจ่ายจากเงินค่าขายของกลางที่ศาลสั่งให้ริบ ถ้ายังขาดอยู่อีกก็ให้เป็นพับไป” พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้พนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลแล้วว่า มีผู้นำจับจำเลย ประสงค์ขอรับเงินสินบนนำจับ โดยอ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับมาท้ายฟ้องแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ว่าคดีนี้โจทก์ไม่ได้ขอมาในฟ้อง จึงไม่ถูกต้อง ที่ถ้อยคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ใช้ถ้อยคำว่าให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายมิได้บัญญัติให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ ก็ไม่ทำให้คำขอของโจทก์เกี่ยวกับการจ่ายเงินสิบบนนำจับเสียไป เพราะโจทก์ได้อ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งเป็นเพียงการใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเงินกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับ

Share